ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 มิถุนายน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและ ศอฉ. ใช้อำนาจของพ.ร.ก.การบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉิน สั่งให้มีการอายัดบัญชีรวมถึงการทำธุรกรรมทางการเงิน ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล จำนวน 146 ราย ว่า เป็นการกระทำที่รัฐบาลดำเนินการร่วมเดือนเศษแล้ว สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ที่ถูกรัฐบาลใช้กฏหมายแบบลุอำนาจแบบเหวี่ยงแห เพื่อข่มขู่คุกคาม ทำให้ไม่สามารถประกอบการธุรกิจหรือทำธุรกรรมทางการเงินได้ หรือทำนิติกรรมใดๆได้ ล้วนได้รับผลกระทบ ทั้งที่สถานการณ์ในปัจจุบัน เหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆได้สงบลงแล้ว แต่รัฐบาลกลับไม่ยกเลิก การระงับการทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยก็ได้รับเรื่องร้องเรียนมาจากทั้งประชาชน นักธุรกิจ นักการเมือง ในกรณีของพรรคเพื่อไทยเองที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรค และเป็นผู้อำนวยการพรรค นายสาโรจน์ หงษ์ชูเวช รองผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย ซึ่งทั้งสองถูกคำสั่งที่ลุแก่อำนาจ ห้ามทำธุรกรรมทางการเงินทั้งส่วนบุคคลและนิติบุคคลในนามพรรคเพื่อไทย ทำให้พรรคเพื่อไทยที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับผลกระทบในการทำหน้าที่พรรคการเมือง
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ถือเป็นการกลั่นแกล้งกันทางการเมืองอย่างไม่เคยมีมาก่อนว่า หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคการเมืองซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลในปัจจุบันได้อาศัยอำนาจ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ และหน่วยงานของรัฐเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการที่ห้ามผู้อำนวยการพรรคและรองผู้อำนวยการพรรคซึ่งเป็นคู่แข่งทางการเมือง และเป็นพรรคฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลเป็นการที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์น่าจะมีเจตนากลั่นแกล้งข่มขู่คุกคามสมาชิกของพรรคเพื่อไทยรวมถึงขัดขวางการทำงานของพรรคเพื่อไทยไม่ให้ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างสะดวก ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ ของรัฐธรรมนูญ และขัดต่อระบอบประชาธิปไตย
“ขอเรียกร้องไปยังนายอภิสิทธิ์ ว่าไม่ควรใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการทำลายคู่แข่งทางการเมือง เพราะขณะนี้สถานการณ์ก็ได้กลับคืนสู่ความสงบ ควรยกเลิกการระงับการทำธุรกรรมทางการเงิน 146 ราย รวมถึง ยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ เพื่อแสดงความจริงใจในการที่จะสร้างความปรองดองตามที่นายอภิสิทธิ์ได้แถลงไว้ ไม่ใช่ดีแต่พูดแบบปากปราศัย น้ำใจเชือดคอ ถ้ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ยังคง พ.ร.ก. ฉุกเฉินไว้ก็จะเป็นการ ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน รวมถึงขัดขวางการทำงานของพรรคฝ่ายค้านและหน่วยงานรวมถึงองค์กรอิสระต่างๆในการทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ที่สำคัญการยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉินจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน นักท่องเที่ยว และจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย ในสายตาของนานาชาติ”นายพร้อมพงศ์กล่าว