ปูดเครือข่ายแม้วส่งพจมานลงส.ส.สู้เนวิน

 

คมชัดลึก :ก.ม.ม.แจงซักฟอกรัฐบาล ปชป.เสมอ พท.ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ จี้นายกฯตั้ง คกก.สอบทุจริต ‘ ชวรัตน์-โสภณ ’ รัฐมนตรีค่ายภูมิใจไทย ‘ สุริยะใส ’ เชื่อปรับ ครม.แค่แก้เกมการเมือง ไม่ทำเพื่อประเทศชาติ เตือนระวังกลุ่มทุน-มาเฟีย กลับลำหนุนอาชญากรรมนอกรีตป่วนเมือง ปูด"พจมาน" ลงส.ส.สู้ "เนวิน"


“ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดินประมาณ 14 คน แม้ว่า อาจจะมีวาระส่วนตัวอยู่ด้วยในการลงมติไม่ไว้วางใจ หรือ งดออกเสียงรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย ทางส.ส.ก็มีเอกสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญที่จะลงคะแนนโดยอิสระตามรัฐธรรมนูญมาตรา 62 หากฟังการชี้แจงของ 2 รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยของนาย ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย นาย โสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ที่ชี้แจงก็ไม่ชัดเจน ดังนั้นในการอภิปรายไม่วางใจครั้งนี้ ทางพรรคการเมืองใหม่ขอเสนอให้นายกฯสั่งการตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการทุจริตประพฤติมิชอบในกรณีต่าง ๆ ที่ฝ่ายค้านอภิปรายและยังเป็นที่คาใจของประชาชน ไม่ว่ากรณีรถไฟสายสีม่วง ใบอนุญาตร้านขายปืน และการสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ ” นายสำราญ กล่าวและว่า การปรับ ครม.ที่เปลี่ยนคณะรัฐมนตรีจำนวน 8 เก้าอี้ครั้งนี้ ต้นเหตุสำคัญเป็นไปตามการยื่นคำขาดของพรรคภูมิใจไทย โดยนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำภูมิใจไทยนั้น ย่อมแสดงให้เห็นการบริหารประเทศของรัฐอภิสิทธิ์ มีอิทธิพลของนายเนวินครอบงำอยู่สูงมาก น่าแปลกที่เป็นเรื่องตลก คนที่ถูกอภิปรายของพรรคภูมิใจไทยไม่ว่า นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล หรือนายโสภณ ซารัมย์ ยังอยู่ในตำแหน่งสบาย ๆ แต่รัฐมนตรีที่ไม่ถูกอภิปรายจากพรรคประชาธิปัตย์ 3 คนต้องถูกเด้งจากเก้าอี้ ดังนั้นการปรับ ครม.ของนายกฯหนนี้ตอบแค่โจทย์ทางการเมืองในรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น ไม่ได้ตอบโจทย์ของปัญหาบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยวิกฤตปัญหาแต่ประการใด เพราะไม่เพียงแต่ไม่กล้ายึดกระทรวงสำคัญบางกระทรวง เช่น มหาดไทย มากำกับดูแลด้วยตัวเองเท่านั้น หากแต่ยังไม่กล้าแตะตัวบุคคลพรรคภูมิใจไทยแม้แต่น้อย


นายสำราญ กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ที่ มีการปรับออก 3 เข้า 4 ตำแหน่ง โดยมีการหมุนเก้าอี้กันนั้นไม่มีอะไรเป็นที่น่าสนใจนัก

หากวัดจากการปรับ ครม.ครั้งนี้แล้ว กล่าวได้ว่านายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ได้ใช้วิกฤตของบ้านเมืองในห้วงเดือน มี.ค.-พ.ค.53 ที่ผ่านมาให้เป็นประโยชน์ในการปรับเปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดีกว่าแต่ประการใด เป็นแต่เพียงการปรับ ครม.ที่คิดสั้น ก่อนการยุบสภาในช่วงปลายปีหรือต้นปีหน้าเท่านั้น โดยแผนปรองดอง 5 ข้อ ที่เสนอมาก็น่าจะเป็นเพียงเครื่องมือ หรือคาถาทางการเมืองเพื่อประคองตัวเอง


นายสำราญ กล่าวต่อว่า พรรคการเมืองใหม่ยังคงยืนยันว่า พร้อมสนับสนุนให้นายกฯอภิสิทธิ์ และรัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศต่อไป

แต่ขอเสนอต้องใช้เวลาที่เหลือ 18 เดือน ปฏิรูปประเทศไทย ปฏิรูปสังคมครั้งใหญ่ นายกฯ ต้องไม่ฉกฉวยสถานการณ์ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนาย อภิสิทธิ์ ซ้ำเติมประเทศชาติด้วยปฏิบัติการณ์ทางการเมืองเก่า ๆ ไม่กล้าหาญที่จะปฏิรูปใหญ่หรือจัดการกับการเมืองล้มเหลวการเมืองที่ไม่ถูกต้อง ปล่อยให้การทุจริตคอรัปชั่นในรัฐบาลสยายปีก สถานการณ์จากนี้ไป มีความเป็นไปได้ว่าจะมีปฏิบัติการณ์ป่วนบ้านป่วนเมืองในรูปแบบวินาศกรรม ลอบสังหารผู้นำเป็นระยะ ๆ เพื่อกดดันไม่ให้รัฐบาลบริหารประเทศได้ราบรื่น จนในที่สุดต้องเร่งยุบสภาเพื่อเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งในที่สุดพรรคเพื่อไทยก็จะกวาดต้อน รวบรวม ส.ส.กลุ่มต่าง ๆที่กระสานซ่านเซ็นเข้าพรรค สุดท้ายการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยก็มีโอกาสชนะเลือกตั้ง แต่น่าจับตามองว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าการปะทะห้ำหั่นระหว่างพรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทยในภาคเหนือ

ภาคอีสานอาจนำมาซึ่งการเลือกตั้งเลือด ขณะนี้มีความพยายามของเครือข่ายระบอบทักษิณ

และส.ส.พรรคเพื่อไทยกลุ่มหนึ่งเสนอความคิดให้คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร (ชินวัตร)ในฐานะหลานสาวพญาแลลงสมัคร ส.ส.ที่ชัยภูมิ เป้าหมายหลักเพื่อ สยบนายเนวิน รักษาฐานที่มั่นในอีสาน เบื้องต้นหลายฝ่ายเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้อย่างคึกคักเป็นพิเศษ


ด้านนาย สุริยะใส กตะศิลา รักษาการเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่า การปรับ ครม . ครั้งนี้ ไม่เป็นไปตามที่นายกฯประกาศจะปรับ ครม . ให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์

เป็นเพียงการตอบโจทย์การเมือง ไม่ใช่การตอบโจทย์ของประเทศ ทำให้ประชาชนผิดหวัง โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงไม่ได้ถูกทบทวน ทั้งที่ความมั่นคงของรัฐมีปัญหามาตลอด ที่สำคัญเป็นการทำร้ายความรู้ของประชาชน เห็นได้จากรัฐบาลชุดนี้ยังรักษาระบบโควตา เป็นการปรับ ครม . เพื่อมุ่ง และโควตาเป็นหลัก ถือว่า เป็นความล้มเหลวอย่างยิ่ง ดังนั้นประชาชนก็ไม่ควรที่จะไปฝากความหวังกับ ครม . ชุดนี้มากนัก เพราะจะผิดหวังมาก 
 
“เป็นที่น่าสังเกตว่าการปรับครม . ครั้งนี้ กำลังมุ่งไปสู่การระดมทุนของพรรคร่วมรับบาล เชื่อว่าไม่ปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า ก็จะมีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้ง เพราะมีความพยายามที่จะระดมทุนเข้าพรรคร่วมรัฐบาลกันอย่างมากมาย ”
นายสุริยะใส กล่าวและว่า สิ่งที่สำคัญรัฐบาลจะต้องไม่ลืมขบวนการล้มเจ้า ที่รัฐบาลและ ศอฉ . ได้นำมาเปิดโปง โดยรัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรให้เกิดความจริงจัง ไม่ใช้ทำเพื่อหวังทำลายฝ่ายตรงข้ามและทำแบบไฟไหม้ฟาง จะเห็นได้ว่า ความเคลื่อนไหวของ นปช . 3 ปีที่ผ่านมาเกิดจากการอุปถัมภ์ของกลุ่มทุนผูกขาด ที่สนับสนุนพรรคไทยรักไทยในอดีต ที่มีความสำคัญเหนือกว่าตัว พ . ต . ท . ทักษิณ ชินวัตร

เมื่อพรรคไทยรักไทยถูกยุบรวมถึงถูกยึดอำนาจในวันที่ 19 ก . ย .49 กลุ่มทุนนี้ก็สนับสนุน นปช . อย่างลับ ๆ

เพราะ จะเห็นได้ชัดเจนว่า กลุ่มทุนเหล่านี้ จากการที่ ศอฉ . สั่งระงับการทำธุรกรรม ขณะนี้หลังจาก นปช . เสียสมดุลไป กลุ่มทุนผูกขาด รวมทั้งกลุ่มทุนในระดับชาติหรือกลุ่มทุนข้ามชาติ กำลังปรับตัวโดยถ่ายโอนไปยังกลุ่มทุนอาชญากรรม เป็นพวกนอกรีด ในลักษณะบ่อนการพนัน พวกค้ายาเสพติด แก๊งรีดไถ ฯลฯ หรือจะเรียกว่า เป็นการค้ำจุนกลุ่มติดอาวุธ ที่อยู่ในคราบของตำรวจนอกรีด ฝ่ายปกครองที่ได้ผลประโยชน์ กลุ่มหัวคะแนน ซุ้มมือปืนรับจ้าง มาเฟียท้องถิ่นในจังหวัดใหญ่ ๆ กลุ่มเหล่านี้กำลังกลับมา โดยเฉพาะยุทธวิธีใต้ดิน ทำวินาศกรรมดีเดย์ครั้งเดียวแล้วได้ผล การสร้างความรุนแรงที่จำกัดในพื้นที่ รวมถึงความพยายามเผาโรงเรียน ที่เกิดขึ้นขณะนี้ ” นายสุริยะใส กล่าวและย้ำว่า ไม่เช่นนั้นแผนปรองดองของนายกฯหรือตามความเห็นของพรรคการเมืองใหม่ ที่สนับสนุนให้มีการปฏิรูปประเทศยังไม่มีการตอบโจทย์อย่างชัดเจน ที่ผ่านมายังไม่มีความน่าเชื่อถือ พรรคการเมืองใหม่เสนอให้ทำการปฏิรูปควบคู่ไปกับการสร้างความศรัทธาร่วมกับภาคประชาชน ไม่ใช่ไปผูกกับต้นทุนของนายกฯเพียงคนเดียว


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์