"สุเทพ" ฟันธง 15.30 น. ได้ข้อสรุปปรับครม. เขี่ยทิ้งเพื่อแผ่นดิน รับดึงม าตุภูมิเพิ่มเสียง อ้างเพื่อผ่านกฎหมายงบประมาณ รองรับแผนปรองดองของนายกฯ เผย ดึงเสียงพรรคการเมืองเป็นส่วน ๆ ตั้งแต่เริ่มตั้งรัฐบาล...
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.30น. วันที่ 4 มิ.ย. 2553 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความั่นคง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
ในฐานะผู้จัดการรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึง กระแสข่าวการปรับ ครม. ที่จะปรับพรรคเพื่อแผ่นดินออกไปบางส่วน ว่า ขอให้สื่อมวลชนอดใจรอ ตนได้ประเมินสถานการณ์ และตรวจสอบเสียงสนับสนุนของรัฐบาลโดยรอบคอบแล้ว ได้เสนอแนวทางต่อนายกรัฐมนตรี นายกฯ ได้สั่งการให้นัดประชุมกรรมการบริหารพรรคเวลาเที่ยง และบ่ายโมง ประชุมร่วมกันระหว่างกรรมการบริหาร และส.ส.ของพรรค ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับของพรรค กระบวนการของเราเป็นอย่างนั้น องค์กรพรรคจะเป็นคนตัดสินใจไม่ว่าจะเป็นการร่วมรัฐบาล การเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรี คิดว่า เวลา 15.30น. สื่อมวลชน คงพอได้ทราบว่าจะมีมติว่าอย่างไร ส่วนจะถามรายละเอียดตนขอรักษามารยาทไว้ก่อน ไม่ควรจะมาเปิดเผย ส่วนการปรับ ครม. ของพรรคประชาธิปัตย์เองคงจะตัดสินใจทำไป พร้อมกันทุกอย่าง รวมทั้งการคัดเลือกรัฐมนตรีมาแทนโควตาของพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ปรับออกไป ส่วนสมาชิกพรรคจะตอบรับหรือเห็นด้วยหรือไม่ เป็นสิทธิของสมาชิก และ กรรมการบริหารพรรค แต่คิดว่าเป็นข้อเสนอที่มีเหตุมีผลเพียงพอที่จะพรรคจะได้พิจารณา
เมื่อถามว่า แนวทางที่เสนอต่อนายกรัฐมนตรีคือมีการเสนอดึงพรรคอื่นเข้ามาเพิ่มเข้ามาด้วยใช่หรือไม่
นายสุเทพ กล่าวว่า ตนพูดแค่นี้ดีกว่า เมื่อถามว่า หากจะมีการดึงพรรคมาตุภูมิหรือพรรคประชาราชเหตุผลคืออะไร ใช่เรื่องเสียงในสภาหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ในฐานะเป็นผู้จัดการรัฐบาลต้องดูแลว่า รัฐบาลมีเสถียรภาพพอที่จะทำงานแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองได้ ทั้งนี้ตนไม่ได้คุยกับทั้งนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช และ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ
เมื่อถามอีกว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้ เพื่อเอาผลของงานหรือแค่มือที่ยกให้ นายสุเทพ ตอบว่า คำถามบางคำถามชวนทะเลาะกันมากไปหน่อย
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า การปรับครั้งนี้เพื่อให้รัฐบาลมีเสถียรภาพและทำให้การทำงานของรัฐบาลมีประสิทธิภาพมากขึ้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนเรียนแล้วว่าการที่จะแก้ปัญหาชาติให้ได้นั้น รัฐบาลต้องมีความแข็งแรง มั่นคงและมีเสถียรภาพ เพราะฉะนั้นการปรับ ครม. ของตนจะดูให้รัฐบาลมีความแข็งแรง มีเสถียรภาพ และ มีขีดความสามารถ มีประสิทธิภาพที่จะแก้ปัญหาชาติบ้านเมืองได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคมาตุภูมิ และประชาราชไม่ได้ยกมือสนับสนุน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาตั้งแต่ต้น
ถ้าจะดึงเข้ามาจะตอบคำถามสังคมได้อย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ทำไมจะตอบไม่ได้ เพราะเรียนแล้วว่า ตนต้องการให้พรรคร่วมรัฐบาลทำงานอยู่ด้วยกันได้ และรัฐบาลมีเสียงมากพอที่จะผ่านกฎหมายสำคัญ ๆ เช่น พ.ร.บ.งบประมาณ ที่กำลังจะต้องกลับมาพิจารณาในวาระ 2 และ 3 รัฐบาลต้องมีเสียงมากพอที่จะสนับสนุน ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ ได้นั่นคือสิ่งที่จะเอาไปแก้ปัญหาบ้านเมือง รวมทั้งมีกฎหมายอื่น ๆ ที่รัฐบาลต้องตรามาใช้ เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เมื่อถามว่า การที่เขาเคยเสนอพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแข่งกับนายอภิสิทธิ์ ไม่นำมาพิจารณาเลยใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า “ผมแก้ปัญหาวันนี้กับวันพรุ่งนี้ มะรืนนี้ ก็ดูปัจจุบันและอนาคต”
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะไม่เป็นตัวอย่างให้พรรคการเมืองอย่างภูมิใจไทย ที่คอยมากดดันอยู่เรื่อย ๆ จะเอาอะไรก็สามารถทำได้หมด
นายสุเทพ กล่าวว่า คงเรื่องไม่ง่ายที่จะมากดดันตน เมื่อถามว่า นอกจากเหตุผลเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาลที่เตรียมปฏิบัติหน้าที่ในสภาแล้ว ยังมีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากนี้อีกหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เหตุผลนี้แหละเป็นเหตุผลสำคัญ คือ ถ้าเราไม่แก้ไขปัญหาเสถียรภาพรัฐบาลจะเป็นปัญหา ถ้าเราแก้ไขจะได้ไม่ต้องมีปัญหากันต่อไป เมื่อถามอีกว่า มั่นใจหรือไม่ว่าการปรับครม.ครั้งนี้ จะทำให้รัฐบาลอยู่ครบเทอมหรือไม่ นายุสเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้คิดในแง่นั้น แต่ตนคิดตามนายกฯ ที่วางแนวทางไว้ที่จะดำเนินการด้วยความรีบเร่งในการแก้ปัญหาของประเทศชาติและประชาชน ทั้งการปฏิรูปประเทศไทย ที่มีเรื่องต้องปฏิบัติหลายอย่างอยู่ในแผนการปรองดอง การจะดำเนินการอย่างนั้นได้รัฐบาลต้องมีความแข็งแรงมีเสียงสนับสนุนในสภามากพอ จะได้เดินหน้าต่อได้ ซึ่งรัฐบาลต้องมีเสียงเพิ่มเข้ามาให้มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส. ที่มีในสภา ในจำนวนที่เราสบายใจได้ว่า จะไม่เกิดอุบัติเหตุ
เมื่อถามว่า ถ้าทำอย่างนี้ต่อไปจะมีปัญหาว่า ฝ่ายค้านตรวจสอบว่า บางกระทรวงมีปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น แต่ไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้
เพราะพรรคการเมืองต้นสังกัดเรียกร้องอะไรได้หมด นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่เป็นอย่างนั้น การตรวจสอบเป็นเรื่องที่อยู่ในหลักการของระบบรัฐสภาอยู่แล้ว แต่ว่าในข้อเท็จจริง ในความมีเหตุผลของเรื่องราวต้องพิจารณากัน การลงมติเป็นเอกสิทธิของสมาชิกสภาฯ แต่ต้องลงมติด้วยเหตุผล ไม่ใช่ด้วยความไม่ชอบกันโดยส่วนตัวหรือโกรธเคืองกันไม่ได้
เมื่อถามว่า เท่าที่เดินสายเคลียร์พรรคร่วมยืนยันชัดเจนหรือไม่ว่าพรรคเพื่อแผ่นดิน กับ ภูมิใจไทย เดินร่วมทางกันไม่ได้แล้ว
นายสุเทพ กล่าวว่า เฉพาะบางกลุ่มบางส่วน เมื่อถามว่า แสดงว่าเพื่อแผ่นดินไม่ได้ออกทั้งพรรค นายสุเทพ กล่าวยอมรับว่า ลักษณะของการจัดรัฐบาลร่วมมีการพิจารณาเป็นส่วน ๆ มาตั้งแต่ต้นแล้ว ตอนที่ตนเริ่มจัดตั้งรัฐบาลตนได้คำนึงถึงว่าแต่ละพรรคมีกลุ่มต่างๆ กี่กลุ่ม แต่ละกลุ่มมีกี่เสียงต้องดูอย่างนั้นตั้งแต่แรก ตอนเข้ามาเป็นรัฐบาลเข้ามาในลักษณะจะร่วมมือกันแก้ไขวิกฤติก็ต้องตรวจสอบจำนวนกันค่อนข้างชัดเจน และตนก็จัดรัฐบาลบนพื้นฐานนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นรัฐบาลวันนี้ถ้าเป็นชื่ออาจจะใช่ว่า ยังมีพรรคเพื่อแผ่นดินอยู่ แต่ถ้าเป็นกลุ่ม อาจจะไม่ใช่ เมื่อถามว่า สรุปแล้วการตัดสินใจครั้งนี้ คำนึงถึงมารยาททางการเมืองมากกว่าเรื่องการคอรัปชั่นใช่หรือไม่ นายสุเทพ ไม่ได้ตอบคำถามนี้แต่อย่างใด