เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 3 มิ.ย. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎร
ซึ่งมีพ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ เป็นประธานที่ประชุม โดยเชิญผู้เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการเสียชีวิตของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง มาชี้แจง อาทิ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ที่ปรึกษาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.อ.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข รองผู้บังคับการพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมได้สอบถามถึงวิธีการยิง ชนิดกระสุน และผลการชันสูตรศพเสธ.แดง
โดยน.พ.จรูญศักดิ์ นวลแจ่ม หัวหน้าภาควิชานิติเวช โรงพยาบาลวชิระพยาบาล ระบุผลการชันสูตรการเสียชีวิตของเสธ.แดง ถูกกระสุนปืนยิงเข้าทางศีรษะด้านขวา ขนาด 0.4 เซนติเมตร และทะลุออกด้านซ้าย เหนือใบหูซ้าย 10 เซนติเมตร ขนาด 0.8 เซนติเมตร โดยยอมรับว่าจากการทำงานที่ผ่านมาไม่เคยเห็นหัวกระสุนลักษณะดังกล่าวมาก่อน ซึ่งน่าจะยิงจากระยะไกล
ขณะที่พ.อ.ธวัชชัยกล่าวว่า เชื่อว่าลักษณะขนาดรูกระสุนดังกล่าวไม่น่าจะเป็นกระสุนยี่ห้อลาปัว จุด 308 และสไนเปอร์ แต่ยังไม่สามารถวิเคราะห์วิถีกระสุนได้ว่ายิงจากมุมสูงหรือไม่ เนื่องจากยังไม่ทราบลักษณะการยืนให้สัมภาษณ์ของเสธ.แดง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชี้แจงของพนักงานสอบสวนทำให้พล.ร.ท.โรช วิภัติภูมิประเทศ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ
ตำหนิการทำงานของพนักงานสอบสวนที่ไม่รอบคอบและขาดความน่าเชื่อถือ เพราะหากคิดตามหลักวิทยาศาสตร์กระสุนที่มีขนาดใหญ่เมื่อยิงเข้าร่างสิ่งมีชีวิตรูกระสุนจะมีขนาดเล็กลงได้ เนื่องจากเนื้อมีการยืดหยุ่น รวมทั้งพนักงานสอบสวนไม่เคยทดสอบการยิงวิถีกระสุนกับเนื้อสัตว์ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง แต่กลับใช้เพียงข้อสันนิษฐาน
ด้านพ.ต.ทรงพล เอี่ยมบุญฤทธิ์ อดีตนายทหารกรมสรรพาวุธทหารบก และที่ปรึกษากรรมาธิการ
กล่าวว่า เชื่อว่าปืนที่ใช้ลอบสังหารเสธ.แดงน่าจะเป็นอาวุธปืนชนิดพี ไนน์ตี้ ซึ่งมีขนาดกระสุน 4.6 เซนติเมตร ซึ่งปืนชนิดนี้มีไว้สำหรับการต่อต้านก่อการร้าย ยิงแม่นมาก และทะลุเกราะอ่อน
ต่อมาเวลา 13.00 น. พ.ต.ท.สมชายแถลงภายหลังการประชุมว่า จากการเชิญผู้เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของพล.ต.ขัตติยะ
พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถเข้าไปยังสถานที่เกิดเหตุในทันที เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมอยู่ ทำให้การตรวจสอบพยานหลักฐานต้องล่าช้าออกไปถึง 7 วัน แต่จากการสอบถามเจ้าหน้าที่แพทย์ของโรงพยาบาลวชิระ รับทราบรายละเอียดว่าพล.ต.ขัตติยะเสียชีวิตเพราะเกิดจากถูกกระสุนปืนทำลายสมอง แต่เป็นกระสุนของปืนอะไรนั้นยังไม่ทราบ เชื่อว่าเป็นกระสุนที่ขนาดต่ำกว่า 0.4 เซนติเมตร ซึ่งมีอานุภาพรุนแรง ต้องสืบสวนสอบสวนต่อไป จากการตรวจสอบเชื่อว่ากระสุนดังกล่าวเป็นกระสุนที่ใช้ในวงราชการ