หึ่ง"ประชาธิปัตย์"เตรียมปรับ 4 รมต.ออก "กัลยา-ธีระ-ชัยวุฒิ-สาทิตย์" 4ตัวเต็งล้วนส.ส.ที่เคยอกหัก "นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ-องอาจ คล้ามไพบูลย์-เฉลิมชัย ศรีอ่อน-จุติ ไกรฤกษ์" แกนนำพรรคประกอบด้วย นายพินิจ จารุสมบัติ แกนนำกลุ่มวังพญานาค นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ แกนนำกลุ่มวังพญานาค ว่าที่ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แกนนำกลุ่มโคราช และนายเกษม รุ่งธนเกียรติ แกนนำกลุ่มสุรินทร์ นัดหารือกับรัฐมนตรีและส.ส.ของพรรคหารือที่ร้านโฮคิดเช่น ย่านเหม่งจ๋าย เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 มิถุนายน โดยว่าที่ร.ต.ไพโรจน์ นายเกษมยืนยันว่า สมาชิกกลุ่มโคราชและสุรินทร์จะโหวตสวน 2 รัฐมนตรีจากภท. อย่างแน่นอน หลังการเจรจาเรื่องการจัดสรรงบประมาณและโครงการต่างๆ ไม่เป็นผล เนื่องจากนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำภท. ยืนกรานไม่ยอมทำตามเงื่อนไขที่แกนนำพผ. ยื่นไป เพราะไม่พอใจที่ถูกปล่อยข่าวกดดันผ่านสื่อ หากยอมทำตามข้อเรียกร้องของพผ. ต่อไปจะเคยตัว และอาจทำให้พรรคอื่นเอาเยี่ยงอย่าง แหล่งข่าวกล่าวว่า ในระหว่างการหารือ ว่าที่ร.ต.ไพโรจน์ได้ขอให้ นายพินิจ และนายปรีชา สั่งสมาชิกกลุ่มวังพญานาคให้โหวตสวนด้วย ซึ่งช่วงแรก นายพินิจออกอาการแบ่งรับแบ่งสู้ แต่สุดท้ายก็ประกาศกลางที่ประชุมให้ส.ส.ฟรีโหวตเพื่อถนอมน้ำใจว่าที่ร.ต.ไพโรจน์ แต่ได้ส่งซิกถึงสมาชิกกลุ่มวังพญานาคว่า ในกรณีของนายชวรัตน์ห้ามโหวตสวน อย่างมากที่สุดให้งดออกเสียง เนื่องจากมีความสัมพันธ์อันดีกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล บุตรชายนายชวรัตน์ ยกเว้นนพ. อลงกต มณีกาศ ส.ส. นครพนม และโฆษกพผ. ที่ได้รับคำสั่งให้ออกมาแสดงจุดยืนในนามพรรค และกลุ่มวังพญานาคร่วมกับกลุ่มโคราช ที่ปล่อยให้ตัดสินใจอย่างอิสระ ส่วนกรณีนายโสภณ นายพินิจได้ปล่อยให้ส.ส.ฟรีโหวต อย่างไรก็ตาม ว่าที่ร.ต.ไพโรจน์ได้สั่งให้วิปรัฐบาลจากพผ. ที่อยู่ในสายโคราช 2 คนคือ นายอนุวัฒน์ วิเศษจินดาวัฒน์ ส.ส. โคราช และนายประนอม โพธิคำ ส.ส. โคราช ไปคอยควบคุมการลงคะแนนของส.ส.พผ. อย่างใกล้ชิดในห้องประชุม ด้านนายนรพล ตันติมนตรี ส.ส. เชียงใหม่ กลุ่มวังพญานาค พผ. กล่าวว่า ได้ลงมติงดออกเสียงนายชวรัตน์ และนายโสภณ เนื่องจากทั้ง 2 คนไม่สามารถชี้แจงข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตได้ และมองว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงตัวรัฐมนตรีแล้ว ทั้งนี้การลงมติงดออกเสียงถือเป็นการประนีประนอมและถนอมน้ำใจกันมากแล้ว สุดท้ายจึงเชื่อว่าปชป. จะหย่าศึกครั้งนี้ด้วยกันนัดให้แกนนำทั้ง 2 พรรคมารับประทานอาหารร่วมกันในเร็วๆ นี้ พร้อมเปิดโอกาสให้ 2 รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายได้อธิบายตัวเองเพิ่มเติม จากนั้นก็ร่วมงานกันได้ต่อไป ด้านนพ. อลงกต มณีกาศ ส.ส. นครพนม กลุ่มวังพญานาค ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) กล่าวว่า ขอยืนยันว่าการโหวตสวนของส.ส.พผ. ไม่ได้เกิดจากปัญหาการต่อรองเรื่องการจัดสรรงบประมาณ หรือปัญหาขัดแย้งในพื้นที่การเมือง แต่ข้องใจว่าหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้นลงแทนที่สังคมจะกดดันรัฐมนตรีที่มีปัญหา และไม่สามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้เคลียร์ กลับมาตั้งคำถามกับส.ส. ที่โหวตไม่สนับสนุนความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องเคลียร์กับแกนนำปชป. แต่คิดว่าควรแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย และเปิดโอกาสให้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมจะเป็นการดีกว่า
ผลการประชุมสภาผู้แทนราษฏรสมัยวิสามัญ ในญัตติเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล 5 คน สร้างความไม่พอใจให้กับแกนนำพรรคภูมิใจไทย(ภท.) เพราะรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทยได้รับคะแนนไว้วางใจน้อยที่สุด จนเกิดเคลื่อนไหวกดดันพร้อมยื่นเงื่อนไขให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้จัดการรัฐบาล ตัดสินใจเลือกข้างนั้น
เผยเบื้องหลังพผ.โหวตคว่ำ
รายงานข่าวจากเพื่อแผ่นดิน(พผ.)แจ้งว่า ก่อนการลงมติ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ที่ ส.ส.พผ. ลงมติไม่ไว้วางใจ นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยไป 10 คน งดออกเสียง 3 คน และลงมติไม่ไว้วางใจ นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จากพรรคภูมิใจไทย 14 คน งดออกเสียง 3 คนนั้น
อย่ายกคำว่าเอกภาพมาป้องคนผิด
นายอนุวัฒน์ วิเศษจินดาวัฒน์ ส.ส. โคราช พรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งลงมติไม่ไว้วางใจ 2 รัฐมนตรีจากภท. กล่าวว่า ขอยืนยันว่า การลงมติไม่เกี่ยวข้องกับกระแสข่าวเรื่องกลุ่มโคราช และกลุ่มสุรินทร์ไม่พอใจการจัดสรรงบประมาณ หรือถูกเบี้ยวโครงการแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะรัฐมนตรีจากภท. ชี้แจงข้อกล่าวหาไม่เคลียร์และฟังไม่ขึ้น ขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการชำระแค้นทางการเมือง แต่เป็นการยึดความถูกต้องและผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก ส่วนที่มีเสียงวิจารณ์ว่าการโหวตสวนของส.ส.พผ. จะทำให้รัฐบาลขาดเอกภาพในการทำงานนั้น ไม่อยากให้ใช้คำว่าเอกภาพมาปกป้องผู้ทำความผิด มันต้องยึดประโยชน์ของชาติเป็นหลัก ไม่ใช่คิดว่าพผ. อยู่ร่วมรัฐบาลแล้วส.ส. จะทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลไม่ได้
บิ๊กพผ. มั่นใจไม่ถูกขับพ้นรบ.
รายงานข่าวจากแกนนำพผ.แจ้งว่า ภายหลังภท. ยื่นคำขาดให้นายอภิสิทธิ์ เลือกว่าจะรักษาพรรคไหนไว้ในรัฐบาลระหว่างพผ. หรือภท. นั้น แกนนำพผ. ไม่รู้สึกวิกตกกังวลแต่อย่างใด เพราะมั่นใจว่าปชป. คงไม่กล้าขับพผ. ออกจากการร่วมรัฐบาลในสถานการณ์ไม่แน่นอนทางการเมือง หรือแสดงจุดยืนสนับสนุนภท. อย่างชัดแจ้ง เพราะจะทำให้ปชป. กลายเป็นผู้สนับสนุนให้เกิดความไม่ชอบมาพากลในการบริหารงานของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงคมนาคมทันที ทั้งๆ ที่นายชวรัตน์ และนายโสภณ ยังไม่สามารถชี้แจงข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านให้ชัดเจนได้ อีกทั้งพผ. ยังมีภาพลักษณ์ทางสังคมดีกว่าภท.
ปูด"ชาญชัย"อาจถูกเด้ง
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า ในส่วนของนายชาญชัย ในฐานะหัวหน้าพผ. มีความเป็นไปได้ที่อาจจะถูกปรับเปลี่ยนออกจากตำแหน่ง เนื่องจากแกนนำภท. แสดงความไม่พอใจอย่างหนักกรณีมาไล่นายชวรัตน์พ้นเก้าอี้ ดังนั้นการแสดงความรับผิดชอบของพผ. ในกรณีนี้อาจจะตกเป็นภาระของนายชาญชัยเพียงคนเดียว
เบื้องหลังพผ.โหวตคว่ำ ปู่จิ้น-โสภณ ภท.ปฎิเสธเพิ่มงบประมาณ
ชทพ.เชื่อภท.ไม่น้อยใจ
ขณะที่ นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงเสียงโหวตการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า อยู่ในระดับที่น่าพอใจ พรรคร่วมรัฐบาลก็พากันโหวตให้นายกฯ และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนที่มีคะแนนไม่เท่ากันนั้นถือเป็นเรื่องปกติ เพราะการโหวตทุกครั้งที่ผ่านมาก็เป็นอย่างนี้ โดยคะแนนครั้งนี้ก็มีความเหลื่อมล้ำกันไม่มาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาครั้งนี้จะถึงขนาดปรับพผ.ออกจาพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายชุมพล ตออบว่า คงไม่ เพราะพรรคเพื่อแผ่นดินก็โหวตให้เช่นกัน และเชื่อว่า พรรคภูมิไจไทยจะไม่เกิดอาการน้อยใจส่วนการปรับคณะรัฐมนตรี( ครม.)ก็ต้องแล้วแต่พรรคแกนนำ สำหรับพรรคชาติไทยพัฒนายังคงเดิม
"เสธ.หนั่น"ลั่นถึงเวลาปรับครม.
ด้านพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า การที่รัฐมนตรีในส่วนของภท. ได้คะแนนไว้วางใจน้อยนั้นถือเป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นการลงมติ อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าช่วงนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมในการที่จะปรับคครม. หลังการอภิปราย เพราะที่ผ่านมารัฐบาลทำงานมากว่า 1 ปีแล้ว จะต้องปรับเปลี่ยนบ้าง
"มาร์ค"เชื่อศึกภท.-พผ.ไม่นานยุติ
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงกรณีพภท. ยื่นคำขาดให้เลือกจะอยู่ร่วมกับพผ.หรือภท. ว่า ตนได้คุยกับนายชวรัตน์แล้ว ซึ่งไม่มีการยื่นคำขาด และให้นายสุเทพ ประสานงานกับพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งคิดว่าจะมีข้อยุติ หลังจากฟังจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องคิดว่าคงจะเรียบร้อย
"ผมยังเชื่อว่าการทำงานในอีก 2 – 3 วันข้างหน้า น่าจะมีข้อยุติที่ทำให้รัฐบาลยังคงมีเสถียรภาพในสภา ส่วนเสียงจะมากขึ้นหรือน้อยลง จะไม่ให้มากระทบกับสิ่งที่ต้องทำ ขณะนี้ภาระกิจของรัฐบาลถือว่าหนักมากจากผลพวงต่างๆที่เกิดขึ้น รวมถึงการอภิปรายที่ผ่านมา เราจะไม่เสียสมาธิ เรื่องนี้จะทำให้มีข้อยุติโดยเร็วที่สุด เพื่อเดินหน้าทำงาน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ภท.ขู่ยก46เสียงออกขู่จัดการพผ.
แหล่งข่าวจากแกนนำภท.เปิดเผยว่า หลังเสร็จสิ้นการประชุม ครม. นายชวรัตน์ นำคณะรัฐมนตรี พรรคภูมิใจไทย เข้าพบกับนายอภิสิทธิ์เป็นการส่วนตัวเป็นเวลา 15 นาที โดยนายชวรัตน์ แจ้งนายอภิสิทธิ์ถึงมติพรรคภูมิใจไทย ที่ไม่สบายใจกับความไม่เป็นเอกภาพของรัฐบาล ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาการร่วมรัฐบาลในอนาคต จึงขอให้นายกรัฐมนตรี ดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน และหากยังไม่สามารถบริหารความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาลได้ก็ควรตัดสินใจทางการเมืองอะไรสักอย่าง
"การไปโหวตสนับสนุนฝ่ายค้านเลยถึง 13-14 คนเป็นสิ่งที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะเรื่องทุจริตนั้นรัฐมนตรีทุกคนสามารถชี้แจงได้ ซึ่งสาเหตุของเรื่องนี้เพราะความไม่พอใจเรื่องการเมืองในพื้นที่และผลประโยชน์เรื่องงบประมาณ ที่ไม่ลงตัวเท่านั้น หากนายกรัฐมนตรีไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีส.ส.ทั้งหมด 46 คนก็อึดอัดใจในการร่วมรัฐบาล" แหล่งข่าวอ้างคำพูดของนายชวรัตน์ที่แจ้งกับนายอภิสิทธิ์
ไล่พ้นครม.จวกพผ.ไร้วินัย
นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า ภายหลังการประชุม ครม.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชวรัตน์ นำคณะแกนนำพรรคภูมิใจไทยที่เป็นรัฐมนตรีทุกคน เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เพื่อแสดงความอึดอัดและไม่สบายใจกรณีที่มีสมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดินบางส่วนลงมติไม่ไว้วางใจนายชวรัตน์ และนายโสภณ เนื่องจากพรรคภูมิใจไทย คิดว่าพรรคร่วมรัฐบาลควรมีหน้าที่ในการประคับประคองรัฐบาลด้วยการลงมติไปในทิศทางเดียวกัน แต่พรรคเพื่อแผ่นดินกลับมีบางส่วนลงมติสนับสนุนญัตติของพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าตำหนิและแสดงให้เห็นความไม่มีวินัยของพรรคการเมือง ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ตอบรับว่าเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้มอบหมายให้นายสุเทพ ไปเป็นดำเนินการ
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า พรรคภูมิใจไทยได้แจ้งกับนายกรัฐมนตรี เบื้องหน้าเบื้องหลังของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือมี ส.ส.กลุ่มหนึ่งมีพฤติการณ์ไร้วินัย ซึ่งส่วนใหญ่ในพรรคเพื่อแผ่นดินก็ไม่มีวินัยอยู่แล้ว ต่อให้พรรคเพื่อแผ่นดินมี ส.ส.ที่มีปัญหามากกว่า 14 คนแต่ยังไร้ซึ่งวินัยอยู่แบบนี้ นายกรัฐมนตรีก็จำเป็นจะต้องเลือกและตัดสินใจ ถ้ามีจำนวนมาก แต่ไม่มีคุณภาพก็ไม่จำเป็นต้องมีอยู่ด้วยกันก็ได้ เพราะถ้ามีอยู่แล้วต้องมาคอยระแวงกันตลอดเวลาว่าเมื่อไรจะแทงข้างหลังกันก็คงจำไม่สามารถทำงานร่วมกันได้
ปชป.เล็งดึงกลุ่มประชา-ป๋าเหนาะ
รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ แจ้งว่า ภายหลังการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุเทพ ได้นัดทีมคณะทำงานที่ช่วยวางเกมรับมือศึกซักฟอกไปเลี้ยงอาหารที่ห้องอาหารจีน โรงแรมสยามซิตี้ ซึ่งตรงกับที่พรรคภูมิใจไทยนัดรับประทานอาหารกับส.ส.เช่นกัน ซึ่งมีการมองกันว่าเป็นการส่งสัญญาณให้พรรคเพื่อแผ่นดินเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยเหนี่ยวแน่น
ทั้งนี้ ระหว่างการรับประทานอาหารกับส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพวิเคราะห์ถึงปัญหาของพรรคเพื่อแผ่นดินให้กลุ่มส.ส.ฟังว่า คงต้องเลือกพรรคภูมิใจไทย เพราะมีส.ส. 32 คน และมีความเป็นปึกแผ่น เพราะพรรคเพื่อแผ่นดินมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ซึ่งจะต้องเคลียร์ โดยจะดูว่า ส.ส.ที่ลงมติไม่ไว้วางใจนายชวรัตน์ และนายโสภณ มีใครบ้างกลุ่มไหน โดยรับอาสาจะไปเจรจากับหัวหน้ากลุ่มนั้นด้วยตัวเอง
ข่าวแจ้งอีกว่า นายสุเทพยังยืนยันกับบรรดาส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ว่า หากคุยกันรู้เรื่องก็โอเค แต่ถ้าไม่รู้เรื่องก็คงต้องปรับครม. และดึงโควต้ารัฐมนตรีของกลุ่มที่คุยไม่รู้เรื่องคืนมา ซึ่งเมื่อนายสุเทพพูดถึงตรงนี้ ก็มีส.ส.ในกลุ่มพูดแทรกขึ้นมาว่า หากเป็นเช่นนั้น ก็ไม่มีปัญหาเรื่องเสียงของรัฐบาล พร้อมเสนอแนะให้พยายามเชื่อมสัมพันธ์พรรคฝ่ายค้านที่ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย ที่มีอีกหลายกลุ่ม อาทิ กลุ่มพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน มีประมาณ 4 เสียง พรรคมาตุภูมิ 3 เสียง และพรรคประชาราช 6 เสียง อย่างไรก็ตาม นายสุเทพยังไม่ได้รับปาก แต่ยืนยันว่า จะต้องแก้ปัญหาอย่างเด็ดขาด จะไม่ปล่อยทิ้งไว้ เพราะจะกระทบกับเสถียรภาพรัฐบาล
ปชป.เสนอปรับเขย่า4เก้าอี้
แหล่งข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า หลังจากที่นายกฯ เคยส่งสัญญาณว่าจะปรับครม. ก็มีส.ส.ไปพูดคุยกับนายสุเทพ ซึ่งได้รับการยืนยันว่า นายสุเทพไม่ต้องการให้มีการปรับครม.ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะอาจจะทำให้เกิดแรงกระเพื่อม แต่นายกฯ ต้องการที่จะปรับครม. เพราะเคยพูดว่าจะปรับหลังการอภิปราย ดังนั้น นายสุเทพจึงจะหารือกับนายกฯอีกครั้ง ก่อนตัดสินใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ส.ส.ในพรรคได้มีการจับกลุ่มวิจารณ์ถึงโผการปรับครม.ของพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีการปล่อยข่าวว่ากระทรวงที่อยู่ในข่ายที่ต้องโดนปรับจะมีอยู่ 4 เก้าอี้ คือ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีสำนักนายกฯ
โดยผู้ที่อยู่ในข่ายที่จะเป็นแคนดิเดตเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี ล้วนเป็นส.ส.หน้าเดิมที่เคยอกหักจากการเป็นรัฐมนตรีมาหลายครั้ง อาทิ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กรุงเทพฯ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก แต่จากการสอบถามแกนนำพรรคได้รับการยืนยันว่ายังไม่มีการส่งสัญญาณไปยังนายกฯ หรือนายสุเทพ แต่อย่างใด