คมชัดลึก : "ปทีป”อุ้ม“สัณฐาน”ไม่ลงโทษปล่อยพื้นที่เกิดเหตุร้าย ชี้ทำดีแล้ว สุดวิสัยเกินควบคุม เผยเรียกมากำชับอย่าให้เกิดเหตุร้ายอีก ด้านคดียึดสนามบินขออ่านสำนวนเอง โวไม่เซ็นต์สั่งคดีซี้ชั้ว เผยหลังเคอร์ฟิวยังพบแดงเคลื่อนไหว มีการติดต่อ สร้างสถานการณ์ได้ แต่มั่นใจการข่าวไร้บึ้ม- วินาศกรรม
เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รรท.ผบ.ตร.)
กล่าวถึงกรณีมีคำสั่งให้ผู้บังคับการ(ผบก.) 4 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีเหตุเผาศาลากลางจังหวัด มาช่วยราชการที่ ตร. ว่า ขณะนี้ ผบก. ภ.จว.ทั้ง 4นาย มารายงานตัวกับตนที่ ตร.แล้ว โดยการย้ายผบก.ทั้ง 4 จังหวัดนั้นเป็นการย้ายที่สอดคล้องกับของกระทรวงมหาดไทยที่ให้ผู้ว่าราชการ 4 จังหวัด มาช่วยราชการแล้วก่อนหน้า ทั้งนี้พิจารณาจากพฤติกรรมประกอบด้วย แต่ก็ไม่จำเป็นว่าต้องรอให้มท.มีคำสั่ง แต่กรณีนี้บังเอิญว่าทาง มท.มีคำสั่งไปก่อน อย่างไรก็ตามในส่วนของพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)ขณะนี้ยังไม่พิจารณาให้มาช่วยราชการ ตอนนี้ยังไม่ทำอะไร ไม่ได้รออะไรแต่ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมและความเป็นจริง
รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่า ยืนยันว่าการพิจารณาข้อบกพร่องไม่มี 2 มาตรฐาน ตนมีมาตรฐานเดียว
เพราะในนครบาลนั้นลักษณะแตกต่างจากภูธร โดยการชุมนุมส่วนใหญ่เกิดขึ้นกทม. ต่อเนื่องกว่า 2 เดือน และเหตุรุนแรงต่างๆที่เกิดขึ้นบางครั้งเราพยายามป้องกันให้เกิด แต่ป้องกันไม่ได้ อาจเพราะเป็นเหตุสุดวิสัยเกินป้องกันได้หรือไม่ ก็จะเห็นได้ว่าในส่วนของกทม.ต้องขอกำลังจากภูธรและกองทัพมาช่วยกัน ซึ่งทุกคนก็มาช่วยกันเต็มกำลังแล้ว แต่เนื่องจากบางสถานการณ์แม้เต็มกำลังแล้วก็ยังเอาไม่อยู่ เราต้องดูเป็นกรณีไป มองว่าส่วนหนึ่งนครบาลก็ทำเต็มที่แล้ว และเป็นการประกอบกำลังหลายฝ่ายทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน ที่ช่วยกันดูแลความสงบในกทม.ในเหตุการณ์ที่ผ่านมา ส่วนการโยกย้าย ระดับผู้กำกับการสถานีตำรวจในนครบาลนั้น เป็นการพิจารณาตามอำนาจและดุลพินิจของผบช.น.
เมื่อถามว่าหากหลังจากนี้มีเหตุระเบิดและเหตุก่อความไม่สงบในพื้นที่อีกจะพิจารณาอย่างไร อาทิเหตุที่ซอยรามคำแหง 43
ล่าสุด พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่าเหตุที่รามคำแหงนั้นได้รับรายงานว่าเป็นเหตุขัดแย้งเรื่องชู้สาว ไม่เกี่ยวกับการสร้างสถานการณ์ส่วนการพิจารณาหากเกิดเหตุไม่สงบในช่วงประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีก ก็ต้องพิจารณากันเป็นรายกรณี ในส่วนของนครบาลนั้น ได้กำชับกับ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.แล้ว ว่าต้องดูแลให้ดี ที่ผ่านมาผบช.น.ก็ทำงานแล้ว แต่เต็มที่หรือไม่ตนตอบไม่ได้ แต่ตนพิจารณาตามสถานการณ์ ยืนยันไม่ช่วยผบช.น. ตนมีมาตรฐานเดียว อย่างไรก็ตามกำชับไปแล้วอย่าให้มีข้อบกพร่องขึ้น ถ้าเกิดเหตุอีกก็ต้องมาดูเป็นรายกรณี
ส่วนความคืบหน้าคดีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)ยึดสนามบินนั้น รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่า สำนวนอยู่ในขั้นการตรวจสอบของสำนักงานกฎหมายและคดี ต้องบอกว่าสำนวนคดีนี้เยอะมาก 10 กว่าลัง
ตนเองก็ต้องดูรายละเอียด ต้องเลือกดูที่เป็นสาระสำคัญ แม้เรื่องนี้จะมีระดับผู้ช่วยผบ.ตร.เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน แต่มาถึงขั้นตอนที่ตนต้องพิจารณาก็ต้องพิจารณาในรายละเอียด ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน ตามหน้าที่ จะเป็นแบบใครเสนอมาแล้วเซ็นต์เลยคงไม่ใช่ ส่วนจะเสนอหมายจับทันช่วงที่จนยังเป็น รรท.ผบ.ตร.หรือไม่ คงยังบอกไม่ได้ ต้องขออ่านสำนวนเสียก่อน แต่คงไม่ถึงขั้นอ่านเองทุกหน้า อย่างไรก็ตามทำสำนวนออกมาแล้ว ต้องเดินหน้า มันไม่หยุดอยู่กับที่ คดีนี้จะมาหยุดที่ตนคงไม่ได้หรอก เพราะเป็นขั้นตอนตามกฎหมาย
เมื่อถามว่าเป็น 2 มาตรฐานกับคดีเสื้อแดงหรือไม่ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ในส่วนคดีของ นปช.นั้นอยู่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) รับไปดำเนินการ
ซึ่งทางดีเอสไอ ประกอบกำลังทั้งทหาร ตำรวจอัยการ ฯลฯ และใช้พนักงานสอบสวนเป็น ร้อยๆคนในคดี มีการประชุมต่อเนื่อง ทำคดีเป็นแพ็กเกจ ทุกอย่างเดินหน้า แต่ของพธม.ที่ตร.ทำนั้น เป็นคดีเก่าแล้ว ตนก็มารับช่วงต่อ ตำรวจรับภาระแต่ผู้เดียว ตอนแรกก็ใช้พนักงานสอบสวนของนครบาลเท่านั้น ซึ่งคดีนี้พธม.ยึดสนามบินนั้นควรเอาเป็นคดีพิเศษหรือไม่ต้องนำเข้าคณะกรรมการคดีพิเศษพิจารณา ซึ่งตร.คงไปเสนอไม่ได้ว่าจะยกเป็นคดีพิเศษหรือไม่ไม่ แต่หากคณะกรรมการเห็นว่าควรเอาไปเป็นคดีพิเศษเหมือนกันตนยินดียกให้ไป
พล.ต.อ.ปทีป กล่าวถึงสถานการณ์ภายหลังยกเลิกการประกาศเคอร์ฟิว ในกทม. และปริมณฑลว่าเป็นไปตามที่ศอฉ. พูดว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น
ส่วนควรต่อการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯต่อหรือไม่ ตนคงประเมินคนเดียวไม่ได้ ต้องมีการข่าวจากหลายฝ่ายประเมินร่วมกัน ซึ่งในส่วนของการข่าวของตร.ยังพบมีความเคลื่อนไหวก่อความไม่สงบในหลายพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง เป็นความเคลื่อนไหวที่มีลักษณะที่แนวร่วมหารือปรึกษากัน โดยสั่งกการให้สืบสวนติดตามอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีข่าวถึงขั้นก่อวินาศกรรม หรือก่อเหตุระเบิด วางใจได้ สบายใจได้ แต่ตำรวจก็ไม่นิ่งนอนใจยังสืบสวนเกาะติดสถานการณ์ตลอดเวลา
สำหรับการประสานอินเตอร์โพล ในเรื่องหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในข้อหาก่อการร้าย รรท.ผบ.ตร. ตร.ยังไม่ได้รับเรื่องจากดีเอสไอ
ถ้าได้มาก็จะประสานให้อินเตอร์โพลด้วยทางหนึ่ง เพื่อนำไปออกหมายเขียว ให้สมาชิกอินเตอร์โพล์ร่วมรับทราบหมายจับ แต่ในกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ นั้น เป็นเรื่องที่ดีเอสไอและสำนักงานอัยการสูงสุดต้องประสาน ดำเนินการเองได้ กรณีถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า อยู่ระหว่างสอบถามข้อกฎหมายไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยล่าสุดมีคนมายื่นทักท้วงอีก ตร.ก็สอบถามประเด็นข้อกฎหมายไปยังกฤษฎีกา ซึ่งจะทันเดือนตุลาคมหรือไม่ คงตอบไม่ได้ ตนคงไปเร่งรัดนอกหน่วยก็ไม่ได้
ปทีปชี้หลังเคอร์ฟิวพบเสื้อแดงยังเคลื่อนไหว
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง ปทีปชี้หลังเคอร์ฟิวพบเสื้อแดงยังเคลื่อนไหว
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!


กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday