นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวถึงแนวทางการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า
ตนจะเป็นผู้อภิปรายฯ เรื่องที่วัดปทุมวนาราม และการปะทะที่ทำเกิดการสูญเสีย ซึ่งทุกจุดที่มีผู้เสียชีวิต คือ พื้นที่การชุมนุม ดังนั้น การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี บอกว่าไม่ได้เข้าไปสลายในจุดที่ชุมนุมนั้นคงไม่ใช่ เพราะเหตุการณ์ในวันที่ 10 เมษายนนั้น ก็มีการใช้เฮลิปคอปเตอร์โรยแก๊สน้ำ ขณะที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง กำลังปราศรัยนั่น ก็เป็นพื้นที่การชุมนุมและบริเวณการชุมนุมแล้ว ส่วนจุดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นที่สามเหลี่ยมดินแดงหรือบ่อนไก่ก็เป็นจุดในการวางกั้นไม่ให้ประชาชนเข้าไปและใช้ชุดสไนเปอร์ในการซุ่มยิง ซึ่งตนจะอธิบายความว่าทั้งจุดในการเผาเซ็นเตอร์วัน เซ็นทรัลเวิร์ดอาคารมาลีนนท์หรือธนาคารกรุงเทพฯ นั้น ไม่สามารถจับผู้ลงมือเผาได้แม้แต่คนเดียว ทั้งที่ในศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัดที่จับได้หมด ซึ่งไปเหมือนกรณีเผารถเมล์หรือรถแก๊สในช่วงเมษายน 2552
นายจตุพร กล่าวว่า ตนจะอธิบายภาพในมุมของตน เพราะแม้กระทั่งกรณีของวัดปทุมวนาราม ก็มีคลิปภาพเคลื่อนไหวฉบับเต็มที่
เห็นว่าเป็นทหารอย่างชัดเจนและไม่สามารถเอาผ่ามือปิดแผ่นฟ้าได้ ส่วนการที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมให้เปิดคลิปนั้นทุกอย่างเห็นกันอยู่แล้ว แตกต่างกันเพียงแค่มุมที่แตกต่างกัน แต่หากไม่ยอมให้เปิดคลิป ตนก็ทำเผื่อภาพนิ่งเอาไว้แล้ว และมีภาพบางมุมที่ช่างภาพอิสระถ่ายเอาไว้ได้ อย่างกรณีที่วัดปทุมวนาราม มีเจ้าหน้าที่ถ่ายภาพเคลื่อนไหวเอาไว้ได้ ซึ่งความจริงไม่ควรขัดขวาง เพราะถ้านายอภิสิทธิ์ต้องการอธิบายว่าพวกตนเป็นผู้ก่อการร้าย เพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากการบงการ ใช้จ้างวานฆ่า ตนก็จะอธิบายว่านายอภิสิทธิ์เป็นฆาตรกรอย่างไร ซึ่งต้องการจะทำตามแผนปรองดองอย่างแท้จริงก็ไม่ควรมาทำอย่างนี้
นายจตุพร กล่าวว่า นอกจากนี้ในวันที่ 1 มิ.ย.ตนจะอภิปรายเพื่อขอพื้นที่คืนเกาะสมุย ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี
โดยร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จะสรุปอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้เห็นเลยว่าเป็นที่เดียวที่มีภูเขางอก บนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ที่สำคัญคือเป็นนิติกรรมอำพราง ซึ่งจะเห็นเลยว่าสิ่งที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีเคยกล่าวาหาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไว้อย่างไร และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเคยวินิจฉัยไว้อย่างไรก็จะได้เห็นกัน เพราะตนมีหลักฐานเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งภาพถ่ายจากพื้นที่จริงและภาพถ่ายทางอากาศหรือการให้ปากคำเท็จ
“นี่จะเป็นการขอพื้นที่คืนที่เขาแพง เพราะมีการเพิ่มของที่ดินจาก ที่เป็น สค.1 มีที่ดินอยู่ 10 กว่าไร่ เมื่อเป็น นส.3 เป็น 40 กว่าไร่ และเมื่อเป็นโฉนด ก็เพิ่มเป็น 60 กว่าไร่ ซึ่งไม่รู้ว่าฟองตัวได้อย่างไร หลังจากนั้นก็ขอให้นายสุเทพ มาจับผมได้เลย แต่ 2 วันสุท้ายก่อนเอาอิสระภาพผม จะทำหน้าที่เต็มทั้ง 2 วัน และจะชี้ให้ชัดว่ามีการวางแผนเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติอย่างไร ซึ่งไม่มีปัญหาอยู่แล้วหากเสร็จการอภิปรายฯแล้วจะมาควบคุมตัวตน ซึ่งก็ต้องถามนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ว่าจะควบคุมตัวผมวันไหน ผมจะไปให้ควบคุมตัว แต่นายธาริส เพ็งดิษฐ (อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)) นั้นเป็นจำเลยร่วมคดีบงการ ใช้ จ้างวานฆ่า เพราะเป็นกรรมการศอฉ.อยู่ด้วยจะมาทำคดีได้อย่างไร และมีสิทธิ์อะไรที่นายธาริส จะมาขู่ผมว่าจะเอาอิสระภาพผม ด้วยการทำตัวเป็นองค์กรแบ็คเมย์ได้อย่างไร ดังนั้นการพูดวันแรกของผมคือการทวงความยุติธรรมให้กับคนตาย ส่วนวันที่สองจะทวงพื้นที่คืนให้แผ่นดินไทย” นายจตุพรกล่าว