พร้อมพงศ์ซัดมาร์คกลืนน้ำลายตัวเองเลื่อนเลือกตั้ง 14 พ.ย.

"พร้อมพงศ์"ซัด"มาร์ค"กลืนน้ำลายตัวเองเลื่อนเลือกตั้ง 14 พ.ย.

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวเมื่อวันที่ 30 พ.ค.ถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่าคงไม่สามารถยุบสภาในเดือนกันยายน และจัดให้มีการเลือกตั้งได้ทันวันที่ 14 พ.ย.53  ตามแผนโรดแม็ป 5 ข้อ ที่รัฐบาลนำเสนอเพื่อสร้างความปรองดองให้เกิดในประเทศ ว่า สิ่งที่นายอภิสิทธิ์พูดเป็นการเผยให้เห็นถึงธาตุแท้ที่ต้องการอยู่ในอำนาจ และเป็นรัฐบาลลากยาวไปถึงปี 54 ทั้งที่เคยแถลงข่าวเสนอโรดแม็ป 5 ข้อ เป็นสัญญาประชาคมว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้ง แต่กลับกลืนน้ำลายตัวเอง ถือว่าเป็นผู้นำคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ดีแต่พูด ใช้วาทศิลป์ เพื่อประโยชน์ในทางการเมืองของตนเองและพวกพ้อง แต่ไม่มีความน่าเชื่อถือและหาความจริงใจไม่ได้เลย

"ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ เป็นแค่แผนการสร้างภาพซื้อเวลาในสถานการณ์ที่มีการชุมนุมของกลุ่ม นปช รัฐบาลไม่ได้มีความจริงใจ มีแต่การปองร้ายประชาชนที่คิดต่างกับรัฐบาล ที่เรียกร้องให้รัฐบาลคืนอำนาจให้กับประชาชน เพราะการบริหารมา 1 ปี 5 เดือน ที่ไร้ประสิทธิภาพ ส่วนแผนปฏิบัติการของรัฐบาลที่ใช้ พ.ร.ก.การบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉิน และกองทัพเป็นเครื่องมือในการทำลายความน่าเชื่อถือของกลุ่ม นปช.ที่กำหนดเป็นขั้นเป็นตอน สุดท้ายก็มีการสลายการชุมนุม แกนนำและผู้ที่เกี่ยวข้อง ผู้สนับสนุนกลุ่ม นปช.ถูกข้อหาก่อการร้าย นี่คือน่าจะเป็นแผนที่วางไว้อย่างไม่จริงใจตั้งแต่ต้น หลังจากปราบปรามสลายการชุมนุมเสร็จสิ้นแล้วกลับมาอ้างว่า ต้องมีการฟื้นฟู และยังมีสถานการณ์ที่ยังไม่สงบ ไม่สามารถจัดการให้มีการเลือกตั้งได้ทันในปีนี้"

นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า ขอเรียกร้องไปยังนายอภิสิทธิ์ ว่าการเป็นผู้นำของประเทศชาติต้องเป็นผู้มีวุฒิภาวะ มีความจริงใจ และต้องรักษาคำพูดไม่ใช่พูดอย่างแต่ทำอีกอย่าง เพราะก่อนที่เราจะพูดเราเป็นนายคำพูด หลังจากพูดไปแล้วคำพูดจะกลับมาเป็นนายเรา เรื่องนี้มีตัวอย่างให้เห็นแล้วว่าผู้นำในอดีตต้องพังมาเยอะ เพราะไม่รักษาสัจจะ ไม่รักษาคำพูด  ดังนั้น นายอภิสิทธิ์ ควรหันมาทบทวนการสร้างความปรองดองและสมานฉันท์อย่างแท้จริง และดำเนินการให้มีการเลือกตั้ง 14 พ.ย. 53 ตามที่เคยพูดสัญญาไว้ ไม่เช่นนั้นความขัดแย้งที่ลดลงจะกลับมาเพิ่มรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่าตัว เพราะเกิดจากการที่ผู้นำเป็นคนพูดกลับกลอก กลืนน้ำลายตัวเอง ถึงวันนั้นรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ จะมีอำนาจ หรือกองทัพหนุนหลังเพียงใด  ก็ไม่สามารถหยุดยั้งให้ประชาชนมาชุมนุมประท้วงเพื่อเรียกร้องสัจจะของผู้นำให้คืนอำนาจให้กับประชาชน