นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 27 พ.ค. ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ขู่ว่าจะฟ้องร้องนายกรัฐมนตรีต่อศาลอาญาระหว่างประเทศว่า นี่เป็นยุทธศาสตร์ที่มีการวางมาตั้งแต่ต้นว่า ทำไมถึงพยายามที่จะให้ร้ายรัฐบาลเพื่อที่จะหวังผลถึงการแทรกแซงของต่างประเทศ รวมถึงเรื่องของศาลโลก ซึ่งทุกอย่างก็จะกลับไปที่ความจริง แต่ในส่วนของตัว พ.ต.ท.ทักษิณ เองก็มีปัญหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่จะต้องมีการดำเนินการต่อไปด้วยในเรื่องของการฆ่าตัดตอน โดยกระทรวงยุติธรรมกำลังดำเนินการต่อ ตามข้อสรุปของ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบศึกษาและวิเคราะห์นโยบายปราบปรามยาเสพติด และการนำนโยบายไปปฏิบัติจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียงและทรัพย์สินของประชาชน (คตน.)
“ผมก็ย้ำมาตลอดว่าความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินนั้น คนเป็นรัฐบาลไม่มีทางได้ประโยชน์ แพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ฝ่ายรัฐจะต้องการให้เกิดความสูญเสียในลักษณะนี้ แต่ค่อนข้างชัดเจนว่าในกรณีของพ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการให้เกิดปัญหามาตลอด เกิดความวุ่นวายเพื่อหวังผลการแทรกแซงจากต่างประเทศบ้าง เกิดความสูญเสียเพื่อให้ร้ายรัฐบาลบ้าง ก็เป็นแนวทางที่คุณทักษิณ ทำมาโดยตลอด ผมถึงได้ย้ำว่าการอภิปรายของฝ่ายค้าน ในช่วงการอภิปายงบประมาณ ได้มีความเข้าใจผิดหรือไปสื่อในทางที่ผิด ว่ารัฐบาลมองว่ากลุ่มคนเสื้อแดงเป็นผู้ก่อการร้ายบ้างอะไรบ้าง ซึ่งผมย้ำมาตลอดว่ากลุ่มคนที่เขามาชุมนุมในเรื่องอื่นๆก็เป็นผู้ชุมนุมธรรมดา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนเหล่านี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือโดยคุณทักษิณ และกลุ่มที่มีอาวุธเพื่อหวังผลตามยุทธศาสตร์ที่ได้กล่าวไปแล้ว” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์โดยรวมยังต้องการให้ทุกฝ่ายมีความเข้าอกเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและเข้าใจซึ่งกันและกัน
กระบวนการของการนำบ้านเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติยังต้องใช้ความอดทนและความร่วมมืออีกมาก จึงอยากขอความร่วมมือกับประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะเมื่อเราเริ่มยกเลิกมาตรการพิเศษต่างๆ ทุกคนก็ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา และเจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องทำงานหนัก โดยเฉพาะตำรวจที่มีหน้าที่โดยตรง
เมื่อถามว่า ขณะนี้กำหนดยุบสภาเดิมได้ยกเลิกไปแล้วใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนต้องใช้ดุลพินิจดูว่าการยุบสภาถ้าเป็นประโยชน์นั้นควรจะเกิดขึ้นเมื่อไร
ซึ่งเงื่อนไขสำคัญคือความสงบเรียบร้อยคือเดิมเราก็หวังว่าทุกฝ่ายจะมาร่วมแผนปรองดองอย่างจริงจังตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้วจนถึงต้นเดือนนี้ แต่ก็ยังไม่เกิดขึ้น ที่สำคัญคือยังมีกลุ่มคนที่ประกาศตัวชัดเจนในการจะต่อสู้ต่อในรูปแบบต่างๆ หากตรงนี้ยังไม่หมดไปก็ยังเป็นเรื่องยากลำบากอยู่ แต่หากเราสามารถทำให้ทุกคนมาร่วมกระบวนการปรองดองได้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อถามว่าเงื่อนไขต่างๆจะทำให้การปรองดองสำเร็จได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ยากขึ้น เพราะยังมีความพยายามที่จะไปสร้างความเกลียดชัง
แต่ในส่วนของภาครัฐเราไม่ได้มีความคิดที่จะไปกดดันหรือสร้างปัญหากับคนที่มาชุมนุมโดยบริสุทธิ์ เพราะเราพยายามเอื้อมมือเข้าไปทำความเข้าใจและอยากให้เปิดใจรับข้อมูลข่าวสารให้ครบถ้วน เพราะคนกลุ่มนี้จะเป็นคนที่รับข่าวสารจากเวทีการชุมนุมเพียงอย่างเดียวยาวนานกว่า 2 เดือน แต่กลุ่มที่ติดอาวุธ ก่อวินาศกรรมและก่อการร้าย ก็ต้องยืนยันว่าเราไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะไปปรองดองด้วยและจำเป็นจะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
เมื่อถามว่าจะผลักดันแผนปรองดองในข้อไหนให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า บางเรื่องเป็นเรื่องของโครงสร้างที่ต้องใช้เวลา
แต่เราต้องเริ่มต้นกระบวนการให้เกิดความมั่นใจว่ามีกลไกเข้ามาทำงานเรื่องนี้แล้ว เช่นเรื่องความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมกับสังคม ซึ่งบางเรื่องจำเป็นจะต้องเกิดขึ้นเร็วเช่นการเอาข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ออกมาทั้งหมด แต่บางเรื่องก็ต้องใช้เวลาตามกรอบของมัน อาทิเรื่องการเมือง และเรื่องสื่อ
เมื่อถามว่า คณะกรรมการที่จะมาตรวจสอบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์จะเรียบร้อยได้เมื่อไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีความก้าวหน้าอยู่ และอยู่ในระหว่างการรวบรวม เพราะต้องการให้เกิดขึ้นเร็วที่สุด