ยื้ออีกคดีจับพธม.

ปทีปถ่วง รอบสอง โยนเรื่อง สำนักกม.

ตอกย้ำฉายา "ม็อบมีเส้น" "ปทีป"เตะถ่วง ไม่ยอมสั่ง การ ขออนุมัติ ออกหมายจับแกนนำพันธมิตรฯ ข้อหา "ก่อการร้าย" กรณีบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ-ดอนเมืองตามที่พนักงานสอบสวนเสนอเป็นรอบที่สอง แถมมีคำสั่งให้ส่งสำนวนคดีกลับไปให้ฝ่ายกฎหมายและคดีพิจารณาอีกครั้ง วงการ "บิ๊กสีกากี" วิจารณ์แซด เหตุรรท.ผบ.ตร.ยื้อหมายจับเพราะไม่อยากเปลืองตัว ตกเป็นเป้าคนเสื้อเหลืองโจมตีก่อนเกษียณอายุราชการ

เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานข่าวเปิดเผยความคืบหน้าการขออนุมัติหมายจับแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

จากกรณียึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง ที่คณะพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเคยออกหมายเรียกแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ จำนวน 36 คนในข้อหาฐานความผิดก่อการร้าย อาทิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสุริยะใส กตะศิลา ฯลฯ

โดยก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วยผบ.ตร.(กม.1) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนไปสอบสวนเพิ่มเติม หลังจากเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.สมยศ ได้ทำหนังสือถึงพล.ต.อ.ปทีป ขออนุมัติหมายจับแกนนำพันธมิตรฯ กรณียึดสนามบินทั้ง 2 แห่ง จำนวน 112 คน แต่ได้รับหนัง สือส่งกลับจากพล.ต.อ.ปทีป ให้สอบสวนเพิ่มเติมในวันเดียวกัน ครั้งนั้นพนักงานสอบสวนได้ขนสำนวนไปขอหมายจับถึงศาลอาญาแล้ว แต่เมื่อพล.ต.อ.ปทีป สั่งการมาจึงต้องขนสำนวนเดินทางกลับ

ต่อมาวันที่ 7 พ.ค. พล.ต.ท.สมยศ ทำหนัง สือถึงพล.ต.อ.ปทีป อีกครั้งรายงานความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวน ตลอดจนสรุปพยานหลักฐานและข้อกล่าวหาของผู้ที่จะขอความเห็นชอบจับกุมแต่ละราย เพื่อยืนยันขออนุมัติหมายจับแกนนำทั้ง 112 ราย ซึ่งล่าสุดวันที่ 26 พ.ค. พล.ต.ท.สมยศ ได้รับหนังสือตอบกลับจากพล.ต.อ.ปทีป ลงวันที่ 12 พ.ค. ใจความว่าให้ ส่งสำนวนคดีนี้ให้พล.ต.ท.เจตน์ มงคลหัตถี ผบช.สำนักงานกฎหมายและคดีพิจารณาอีกครั้ง พล.ต.ท.สมยศ จึงแทงเรื่องไปที่พล.ต.ท.เจตน์ ตามคำสั่งพล.ต.อ.ปทีป ทำให้ยังไม่สามารถขออนุมัติหมายจับแกนนำพันธมิตรฯ ดังกล่าวได้ ทั้งที่พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนว่าควรอนุมัติออกหมายจับตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมาแล้ว

รายงานข่าวเปิดเผยว่า หลังจากพล.ต.อ.ปทีป สั่งการเช่นนี้ได้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่และพนักงานสอบสวนที่ร่วมทำคดี ว่าคำสั่งดังกล่าวคล้ายต้องการที่จะดึงเรื่องไว้ เนื่องจากพล.ต.อ.ปทีป ที่กำลังจะเกษียณอายุราชการในเดือนก.ย.นี้ ไม่อยากเปลืองตัวและถูกแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาโจมตี หลังจากที่การทำงานของตำรวจในการดำเนินคดีก่อการร้ายกับแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือคนเสื้อแดง ไม่รวดเร็วทันใจกลุ่มคนเสื้อเหลือง