เมื่อเวลา 16.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เป็นประธานในการประชุมศอฉ.
โดยมีพล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาในการประชุมประมาณ 1.30 ชั่วโมง
ในที่ประชุมส่วนข่าวร่วม ศอฉ. มีการรายงานสรุปสถานการณ์ และรายงานความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ที่มีการทวิตเตอร์ตอบโต้ หลังจากที่ถูกตั้งข้อหาก่อการร้ายให้ที่ประชุมได้รับทราบ และยังได้มีการรายงานถึงแนวทางการเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะใช้วิธีการส่งข้อมูลผ่านทางสื่อต่างๆ
ต่อมา ศอฉ.มีการแจกจ่ายคำสั่ง ศอฉ. ที่ 71/2553 เรื่องห้ามการเสนอข่าว การจำหน่าย หรือทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใด
ที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนในทั่วราชอาณาจักร โดยคำสั่งดังกล่าวลงนามโดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
“อาศัยอำนาจตามข้อ 2 แห่งข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 และข้อ 6 ของมาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จึงออกคำสั่งห้ามมิให้หนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ ประกอบด้วย นิตยสาร Voice of Taksin เสียงทักษิณ หนังสือพิมพ์ความจริงวันนี้ ไทยเรดนิวส์ และวิวาทะ เสนอข่าวสารหรือทำให้ปรากฏแพร่หลาย ซึ่งข่าวสารที่มีข้อความและเนื้อหาที่กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยภายในราชอาณาจักร อันทำให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนและบั่นทอนความเป็นปึกแผ่นแน่นแฟ้นของคนในชาติ ซึ่งผู้ใดที่ฝ่าฝืนคำสั่งนี้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่กินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ” คำสั่งของศอฉ.ระบุ