"อภิสิทธิ์" แจงกลางสภาฯ ระบุไม่เคยกล่าวหาแดงแท้เป็นก่อการร้าย ยันเงิน "ทักษิณ" ส่งเข้าคลังหมด
เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2554
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นชี้แจงถึงเหตุการณ์การสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ผ่านมา ตอนหนึ่งว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นขอความกรุณาแยกแยะ ตนย้ำว่ารัฐบาลไม่เคยกล่าวหาผู้ชุมนุมที่ปราศจากอาวุธว่าเป็นผู้ก่อการร้าย รัฐบาลเข้าใจถึงข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมที่มาอย่างบริสุทธิ์ใจ แต่ 2 เดือนที่ผ่านมามีคนใช้อาวุธเพื่อเข้ามาสร้างสถานการณ์และก่อการร้าย รัฐบาลจึงต้องใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ
“ในส่วนของการระบุว่าควรเร่งไปช่วยประชาชนที่ประสบกับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ล่าช้า รัฐบาลได้มีการอนุมัติหลักการและงบประมาณเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ประชาชนมีสถานที่ในการค้าขาย จัดมาตรการเพื่อช่วยลูกจ้างที่ตกลง เยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบมาตรการเหล่านี้เดินหน้าเต็มที่ การประกาศเคอร์ฟิวรัฐบาลก็ได้มีการปรับลดลงมาแต่ต้องมีการเฝ้าระวังเอาไว้เพราะมีผู้ที่อาจจะสร้างความไม่สงบขึ้น” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนการที่บอกว่ารัฐบาลเร่งรีบเสนอ พ.ร.บ.งบประมาณนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวยืนยันว่า ตามรัฐธรรมนนูญต้องให้เวลาฝ่ายนิติบัญญัติในการพิจารณาแบ่งเป็น 105 วัน
สำหรับขั้นตอนของสภาผู้แทนราษฎร และ 20 วันสำหรับวุฒิสภา ซึ่งการนับวันดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่วันที่มีการส่งเอกสารให้ โดยถ้าเราพิจารณาเร็วมากเท่าไร คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ของทั้งสองสภา จะมีเวลาพิจารณามากขึ้นเท่านั้น และถึงที่สุดแล้วร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้จะไปประกาศใช้ในวันที่ 1 ต.ค.ไม่ได้ประกาศใช้เร็วขึ้นแต่อย่างใด ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นประโยชน์ของฝ่ายนิติบัญญัติไม่ใช่ของฝ่ายบริหาร
สำหรับเรื่องการจัดลำดับความสำคัญของงบประมาณแต่ละกระทรวงนั้นต้องดูทิศทางที่ดีขึ้นมากกว่าไปดูที่ตัวเลขงบประมาณ
เพราะหากเทียบตามรายกระทรวงจะเห็นได้ว่ากระทรวงกลาโหมได้เพิ่มขึ้นเพียง 10.6% ขณะที่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เพิ่มขึ้น 42% กระทรวงพาณิชย์ 16.9% กระทรวงอุตสาหกรรม 20.5% ขณะเดียวกันรัฐบาลชุดนี้ได้พิสูจน์ถึงมาตรการในการแก้ไขปัญหาเศรษฐให้เห็นแล้วว่าวันนี้เศรษฐกิจมีการขยายตัวมากขึ้น สัดส่วนหนี้สาธารณะของไทยเพิ่มประมาณ 4% ตรงข้ามกับต่างประเทศในบางประเทศเพิ่มขึ้นถึง 100%
“เงินที่ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น รัฐบาลไม่ได้มีการนำไปใช้จ่ายเพื่อการบริหารงานของรัฐบาล แต่ได้ส่งเข้าคลังเพื่อค้ำจุนฐานะทางการเงินของประเทศให้มั่นคงเท่านั้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว.