ฟันธงดวงทักษิณ ดับ หมอดูชี้ เม.ย.เลือดสาด

โดย ผู้จัดการรายสัปดาห์ 9 มีนาคม 2549 11:06 น.

ลำดับเหตุการณ์นำการเมืองสู่ทางตัน ระบุทักษิณ รู้ตัวว่าต้องถูกต้อนเข้ามุมอับ ล่าสุดต้องพึ่ง โหราศาสตร์ แก้เคล็ด ขณะที่ 2โหร ชี้ดวงนายกฯถึงคราวตกต่ำที่สุดในชีวิต แม้จะแก้ดวงด้วยการยุบสภาแต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆให้ดีขึ้น พร้อมเตือนให้ระวังช่วงปลายเดือนเมษายนนี้อาจจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงได้ ขณะเดียวกันหากฝ่าวิกฤตเลือกตั้งเข้ามาได้ ก็หมดสิทธิ์เป็น นายกฯ เพราะด้วยนี้ถึงคราวอับเฉาสุด ๆ

สถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ร้อนแรงและดุเดือดมากขึ้นทุกวัน เนื่องเพราะการชุมนุมโดยสงบและสันติของเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในการเรียกร้องให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี ได้รับการตอบรับจากประชาชนมากขึ้นและขยายเป็นวงกว้างลุกลามไปสู่ประชาชนทุกสาขาอาชีพ ภาวะการเมืองที่อึมครึมที่เห็นในวันนี้ หลาย ๆ ฝ่ายต่างเกรงว่าจะเป็นชนวนนำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงถึงขึ้นนองเลือดเหมือนเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต

ยิ่งตัวนายกรัฐมนตรี ดึงดันที่จะอยู่ในตำแหน่งมากเท่าไหร่การออกมาชุมนุมเพื่อ ขับไล่ของประชาชนทั่วประเทศก็เพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ซึ่งตัวนายกรัฐมนตรีก็เข้าใจและ รู้ตัวดีอยู่ตลอดเวลา แต่การลาอกมิใช่วิสัยของคนชื่อทักษิณ ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่เห็นว่าเป็นที่พึ่งทางใจได้ดีที่สุดในยามนี้ก็คือการ

อาศัยโหราศาสตร์มา แก้เคล็ด
เลือก โหราศาสตร์แก้เคล็ด

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พยายามหลายวิธีที่จะแก้เกมการเมืองและประคองรัฐนาวาให้รอดพ้อพายุที่พัดกระหน่ำอย่างต่อเนื่องแม้กระทั่งการอาศัย โหราศาสตร์เข้ามาเป็นเครื่องมือ จะมีใครสักกี่คนจะรู้ว่าการประกาศ ยุบสภานั้นก็ถือเป็นการ แก้เคล็ดทางการเมืองอีกวิธีหนึ่ง ล่าสุดมีข่าวกระเซ็นออกมาว่านายกรัฐมนตรีต้องเดินทางไป ดูดวงถึงจังหวัดขอนแก่นเพื่อหาทาง ผ่าทางตันทางการเมืองที่มีภาวะที่บีบคั้นเพิ่มขึ้น

โดย โหรท่านนั้นอ่านดวงเหตุการณ์บ้านเมืองจากการดูดวงของรักษาการนายกรัฐมนตรีพร้อมกับดวงเมืองแล้วพบว่าในช่วงเดือนเมษายนนี้อาจจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นซึ่งสอดคล้องกับที่ผู้จัดการรายสัปดาห์ได้รับข้อมูลด้านโหราศาสตร์จาก นักโหราศาสตร์ซึ่งเป็นที่ยอมรับของคนในสังคมเพื่อนำมาวิเคราะห์เหตุการณ์บ้านเมืองที่จะเกิดขึ้นในอนาคตว่าจะมี จุดจบลงในช่วงไหนและอย่างไร

อาจารย์ธนกร สินเกษม นายกสมาคมโหรแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ตรวจวิเคราะห์ดวงนายกรัฐมนตรีแล้วพบว่า ขณะนี้จนถึงวันที่ 26 กรกฎาคม 2549 ยังจะพบเจอมรสุมต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งแม้จะมีการยุบสภาไปแล้วก็เป็นเพียงการแก้ดวงไปได้เปลาะหนึ่ง

ดาวการเมืองคือดาวอาทิตย์ยังมีความมั่นคงอยู่ยังมีผู้สนับสนุนอยู่มากแต่หลังจากวันที่ 27 กรกฎาคม 2549ไปแล้วนายกรัฐมนตรีจะผ่านพ้นวิกฤตไปได้

ขณะที่ดวงเมืองของประเทศไทยแม้จะมีการยุบสภาไปแล้วแต่ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนตัวผู้นำเพราะดาวอาทิตย์(การเมือง)ยังเป็นเดชอยู่ แต่ในเดือนเมษายน2549 ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน ดวงเมืองจะมีอายุย่างเข้า 225 ปี ราหูซึ่งเป็นดาวคราสร้ายจะเป็นกาลี ตั้งแต่เดือนเมษายน กันยายน 2549 ดาวราหูจะอยู่ในเรือนวินาศจึงไม่มีกำลังไม่อาจทำอะไรให้ประเทศไทยเสียหายได้ แต่ 3 เดือนสุดท้ายของปี(ตุลาคม-ธันวาคม)ดาวราหูจะย้ายจากราศรีมีนไปสู่ราศรีกุมภ์ช่วงนี้ล่ะที่ดาวราหูที่เป็นกาลีจะส่งผลร้ายแรงกับดวงเมืองมาก(ดาวราหูเป็นโยคกับดวงเมือง)แต่ในช่วงนี้น้ำหนักจะให้ด้านภัยพิบัติทางธรรมชาติมากกว่าด้านการเมือง

ชี้ดวงนายกฯตกต่ำสุดขีด

ขณะที่อาจารย์ สอ้าน นาคเพชรพูล(สีดิน)นักโหราศาสตร์เจ้าของเว็บไซด์ ตำนานโหรบอกว่าเป็นคนหนึ่งที่เป็นห่วงบ้านเมืองเหมือน ๆ กับทุกคน และติดตามข่าวมาตลอด ทั้งยังได้วิเคราะห์ความคิดเห็นให้กับคนใกล้ชิดฟังว่า มีแนวโน้มไม่ค่อยดีนักเพราะในยามนี้ดวงของท่านนายกทักษิณ นับว่าเป็นดวงที่ตกต่ำถึงที่สุดของชีวิต จะไม่มีการตกต่ำครั้งใดมาเทียบได้

เริ่มกันที่ลัคนาของท่านสถิตราศีกันย์ถ้าเป็นดวงในระบบ 10 ลัคนา ที่ราศีกันย์จะมี อาทิตย์ (1) จันทร์ (2) อังคาร (3) พุธ (4) ตามภาษโหรเขาเรียกว่า 1234 กุม(อยู่กับ)ลัคนา และท่านเองก็เกิดในวันอังคาร ทำให้ดาวในจำนวนนี้เป็นดาวกาลีอยู่ตัวหนึ่ง ส่งผลทางด้านการพูด พูดให้มีศัตรูง่าย ดาวกาลีอยู่กับดาวบริวาร ส่งผลให้บริวารทำพิษนำเรื่องเสียหายมาให้ และดาวกาลีอยู่กับดาวเพื่อนด้วย เพื่อนถ้าพอไม่ได้ประโยชน์ก็พูดกันไม่รู้เรื่อง

ดาวพฤหัสบดี(5)เป็นดาวที่หมายถึงคุณธรรม มรณะแก่ลัคนาตัวเอง หย่อนคุณธรรมไปหน่อย ดังที่เห็นกันว่าท่านไม่เดือดร้อนเรื่องการเงิน แต่ก็โลภจนเดือนร้อน กฎหมายไม่ผิด แต่ผิดตรงที่ใช้ตำแหน่งหน้าทำประโยชน์ให้กับตนเองและครอบครัวยามนี้อายุของท่านตามหลักโหรทำให้การพูดของท่านเป็นกาลี คือนำความเสียหายมาสู่ตนเองจนลูกเมียและญาติพี่น้องไม่รู้จะมองหน้าสังคมได้อย่างไร?
พอดาวการพูดของท่านเสียเพราะเป็นกาลี เรื่องงานของท่านก็เป็นกาลีขึ้นมาด้วยเพราะเป็นดาวตัวเดียวกัน

จากประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการดูดวง คนที่ทำงานทุกคน ยามที่ดาวเกี่ยวกับหน้าที่การงานเป็นกาลีและมีดาวราหู (8) เล็งอยู่อย่างดวงของท่านนายก คือต้องออกจากงาน หรือย้ายบ้าน หรือเจ็บป่วยอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะช่วงกลางเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายน 2549 นี้ จะคับขันมาก จะไปหรืออยู่ถึงตอนนั้นจะมีผลออกมาชัดเจน

แม้ไม่ออก หรือออก แล้วได้รับการเลือกตั้งกลับเข้ามาใหม่ ก็ไม่เหมือนเดิม คือกลับมาเป็นนายกไม่ได้ ถ้ากลับมาเรื่องก็ไม่จบอีก มีทางเดียวคือพักผ่อนอยู่กับบ้านกว่าจะพ้นวิบากกรรมต้องรอไปจนกว่าจะถึงเดือนตุลาคม 2549 ถึงตอนนั้นจะคลี่คลายไปมากแต่สำหรับบ้านเมืองจะเริ่มคับขันไปตั้งแต่กลางเดือนเมษายนเป็นต้นไป และจะมีปัญหาด้านเศรษฐกิจการเงินการคลัง หลังจากตุลาคม 2549 ไปแล้วเช่นกันมีทางออกที่ดีอย่างเดียวคือท่านนายกไม่กลับเข้ามารับตำแหน่งหลังเลือกตั้ง และรีบแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เรียบร้อย แล้วยุบสภาเลือกตั้งใหม่

เครือญาติเป็นพิษ!

อย่างไรก็ดีวิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้นขณะนี้ ผู้หลัก ผู้ใหญ่ของบ้านเมืองต่างออกมาแสดงความห่วงใยและออกโรงเตือนทั้งทางตรงและทางอ้อมซึ่งส่วนใหญ่แนะนำทางออกกับนายกรัฐมนตรีด้วยการ ลาออกแต่จนถึงวันนี้นายกฯทักษิณ ยังเชื่อมั่นในตัวเองและฐานเสียงที่เขาเชื่อว่าเป็นฐานที่มั่นคงที่สุด ซึ่งนั่นอาจจะทำให้ทีม กุนซือของนายกประเมินสถานการณ์ว่ากำลัง เป็นต่อ

กล่าวได้ว่าชนวนเหตุแห่งปัญหาที่เกิดขึ้น หรือความไม่ไว้วางใจตัวนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 นี้เกิดขึ้นตั้งแต่กรณีทุจริตเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 รวมถึงปัญหาทุจริตในโครงการสุวรรณภูมิที่มีชื่อของคนใกล้ชิด รวมทั้งเครือญาติของ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าไปเกี่ยวข้อง ช่วงนั้นถือเป็นช่วงที่นายกรัฐมนตรีถูกวิพากษ์วิจารณ์มากว่าปล่อยให้คนใกล้ชิดหาผลประโยชน์จากโครงการรัฐโดยอาศัยอำนาจของตัวนายกรัฐมนตรี จนเกิดเหตุที่ทำให้ต้องสั่นสะเทือนทางการเมืองเมื่อ พล.อ.เปรม ติณณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษได้ส่งสัญญาณว่าผู้นำประเทศที่ดีต้องไม่ให้เครือญาติมาอาศัยตำแหน่งผู้นำหาผลประโยชน์ชาติ

ครั้งนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ตอบโต้มาที่สื่อมวลชนอย่างรุนแรงว่าเขียนข่าวโดยมีการแปลความหมายข่าวไปเองแบบผิด ๆ นับเป็นครั้งแรกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไม่ตอบโต้คนที่พูดออกมา แต่ใช้วิธีการประณามสื่อมวลชนแทน

แม้วขอเมตตาหลวงตามหาบัว

เหตุการณ์ดังกล่าวได้ทำให้ หลวงตามหาบัว หรือ พระธรรมวิสุทธิมงคล ได้เทศน์เตือนรัฐบาลว่ารัฐบาลกำลังกลายเป็นรัฐประหารเป็นเพชฌฆาต เพราะโลภมาก บ้าอำนาจ ไม่ฟังใคร มองเห็นคนอื่นเป็นหมา จะพาบ้านเมืองฉิบหาย

นายกฯ พูดถึงกรณีดังกล่าวว่า อุ๊ย อันนี้ท่านเมตตาผมมาก่อนเยอะเลย เพราะฉะนั้นผมก็ต้องเมตตาท่านธรรมดา

ต่อเนื่องมาถึงเหตุการณ์สำคัญที่กลายเป็นระเบิดเวลาอยู่ในเวลานี้ คือกรณี อ.ส.ม.ท.สั่งปิดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์เนื่องจากมีการวิพากษ์วิจารณ์ตัวนายกรัฐมนตรีของ สนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าของหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ทำให้เกิดปรากฏการณ์สนธิ และมีการจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์นอกสถานที่หลายครั้ง ตั้งแต่ที่ธรรมศาสตร์ถึงสวนลุมพินี ที่มีจำนวนคนจากหลักร้อยกลายเป็นหลักพันสู่หลักหมื่นในที่สุด ก่อนจะเคลื่อนพลประกาศม๊อบกู้ชาติในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า

เทมาเส็ก ฟ่างเส้นสุดท้ายต้องไล่ แม้ว

ความจริงแล้วต้องยอมรับว่ากระแสสนธิที่จะมาร่วมในม๊อบกู้ชาติครั้งแรกนั้น ยังมีคนที่อยากเข้าร่วมไม่มากนัก แต่กลับกลายเป็นเรือนหมื่นเรือนแสนคน ก็เพราะว่าเกิดกรณีการขายหุ้นชินคอร์ปให้กับกองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ ทำให้นักวิชาการได้ออกมาเคลื่อนไหวถึงความไม่เหมาะสมในเรื่องจริยธรรมผู้นำ อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับประเด็นความมั่นคงของชาติ จนถึงบัดนี้พ.ต.ท.ทักษิณก็ยังแสดงความชัดเจนว่าการกระทำดังกล่าว ไม่ผิดกฎหมาย และเกิดการปะทะคารมกับผู้วิจารณ์หลายครั้ง

เริ่มจาก 15 ม.ค2549 .ธีรยุทธ บุญมี อาจารย์คณะสังคมวิทยา และมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้วิพากษ์กรณีมีการจัดเรียลิตี้โชว์ของตัวนายกฯ ว่าเป็นการทำการเมืองที่จริงจังให้เป็นละครน้ำเน่าของตัวเอง เหมือนเป็นการจัดละครแก้บน ที่เปลืองภาษีประชาชนกว่า 10 ล้านบาท รวมทั้งระบุถึงการคอร์รัปชั่นที่เกิดรอบตัวนายกฯ ว่าเป็นการโกงแบบโคตรรานุวัตร

ขณะเดียวกัน สมัคร สุนทรเวช และดุสิต ศิริวรรณ 2 คู่ซี้ที่ยืนอยู่เคียงข้างนายกฯ มาโดยตลอดถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ขอวิจารณ์เรื่องนี้ว่าเป็นรายการปัญญาอ่อนไม่มีคุณค่าอะไร

พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ออกมาตอบโต้กรณีดังกล่าวด้วยการบอกว่า ธีรยุทธป่วย พร้อมทั้งพูดถึงคนไม่เห็นด้วยว่า อวิชชา จิตปรุงแต่งจิตใจขุ่นมัว พร้อมระบุว่าเรียลิตี้โชว์ครั้งนี้เพื่อสอนข้าราชการรู้จักแก้ปัญหาความยากจน

ความร้อนแรงทางการเมืองที่เริ่มระอุขึ้นนั้นได้ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในวันที่ 18 ม.ค.ว่า คนเราจิตวุ่นวายปัญญาหาย จิตสบายปัญญามี

ระหว่างจัดเรียลิตี้โชว์ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีก เมื่อมีข่าวการตายของนักบินที่เครื่องบินตกที่จ.สุพรรณบุรี ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พูดเป็นเรื่องโจ๊กกลางวงอาหารว่ามัวแต่ดูหอบรรหาร แจ่มใส ทำให้ส.ส.พรรคชาติไทยถึงกับโกรธ และวิจารณ์ว่าเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสม

เหตุการณ์นี้ได้ทำให้ สรยุทธ์ สุทัศนจินดา พิธีกรรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ได้นำไปเปิดให้ชมในรายการ แต่เมื่อนายกฯ ทราบ กลับพูดว่า คุณสรยุทธนี่เขามีชื่อเล่นว่าบ่าง

23 ม.ค.บุญคลี ปลั่งศิริ ประธานกรรมการบริหารชินคอร์ป ได้จัดแถลงข่าวขายหุ้นชินให้กองทุนเทมาเส็ก โฮลดิงส์ และพันธมิตร 73,000 ล้านบาท

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า เป็นการตัดสินใจของลูก ๆ ทำเพื่อพ่อ เพื่อให้พ่ออยู่ในวงการเมืองอย่างสบายใจเพื่อไม่ให้พ่อมีผลประโยชน์ทับซ้อน ขณะที่ลูกชาย พานทองแท้ ชินวัตร ได้ให้สัมภาษณ์อีกที่หนึ่งว่า เป็นเรื่องของผู้ใหญ่

หลังจากนั้นก็มีคนออกมาวิจารณ์กันอย่างหนักตั้งแต่ กรณ์ จาติกวณิช ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ที่เปิดประเด็นเรื่องการไม่เสียภาษี ประมวล รุจนเสรี แกนนำกลุ่มวังน้ำเย็น เตือนให้ระวังเงินไหลออกนอกประเทศ เนื่องจากมีการแก้กฎหมายให้ต่างชาติถือครองเพื่อประโยชน์คนไม่กี่กลุ่ม และตามมาด้วยนักวิชาการหลายคน แต่นายกฯ ก็กล่าวว่าคนที่วิจารณ์เขานั้นเป็นเพียงคนขี้อิจฉาเท่านั้น และเหน็บแนมม๊อบกู้ชาติว่าเป็นพวกไม่สนใจกติกา เป็นพวกมีปัญหาในสังคม (25 ม.ค.)

ยัน 19 ล้านเสียงสนับสนุน

28 ม.ค. รัฐบาลสั่งปิดเวปไซด์คอร์รัปชั่นวอทซ์ ที่นำโดยคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา.วีระ สมความคิด,ธีรภัทร เสรีรังสรรค์

30 ม.ค. น.พ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ออกบทความวิจารณ์ตระกูล ชินวัตร-ดามาพงศ์ ขายหุ้นชินคอร์ปให้สิงคโปร์เป็นเหตุปัจจัยที่นำไปสู่การสิ้นชาติที่เรียกว่า ปฏิจจสัมปบาทแห่งการฆาตกรรมชาติ

สังศิต พิริยะรังสรรค์,ธีรภัทร เสรีรังสรรค์,และดร.วุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์ รุมชำแหละพ.ต.ท.ทักษิณ ว่าสร้างนวัตกรรมใหม่ของการคอร์รัปชั่นโดยใช้อำนาจนายกฯ เปิดช่องปล้นชาติ

1 ก.พ.พลตรีจำลอง ศรีเมือง ทำหนังสือถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ควรขายหุ้น และเสนอให้บริจาคเงิน 26,000 ล้านบาทให้คนยากจน

2 ก.พ. พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่าเป็นแค่คนกลุ่มน้อย จะอยู่ทำหน้าที่เพื่อคน 19 ล้านเสียงที่เลือกตัวเองมา พร้อมพูดว่า ชาติหน้าสาย ๆ เถอะจะลาออก ทุกอย่างเป็นไปตามกติกาบ้านเมือง

4 ก.พ. พ.ต.ท.ทักษิณ พูดในรายการนายกฯพบประชาชนว่า ถ้าพระเจ้าอยู่หัวทรงกระซิบรับสั่งคำเดียวว่าทักษิณออกเถอะ รับรองกราบพระบาทออกแน่นอน

วันเดียวกันนี้ขณะที่มีม๊อบกู้ชาติครั้งแรก ในระหว่างการเยือนจังหวัดเชียงใหม่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พูดผ่านเครื่องกระจายเสียงกับประชาชนเป็นภาษาคำเมืองว่า

เลือดเนื้อคนสันกำแพงคนนี้ บ่ง่าว (ไม่โง่) ไม่ขี้ขลาด 3 ปีนับจากนี้ผมขอทำงานให้ประชาชน เพราะมีคนอยากให้ผมทำงานต่อไป มีคนง่าวไม่กี่คนเท่านั้น ช่างแม่งมันเถอะ

7 ก.พ. พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวกลางที่ประชุมครม.ถึงกรณีม๊อบขับไล่เขาว่า ผมไม่ยอมหรอก ไอ้พวกนี้มันใช้วิธีการนอกระบบมาเล่นงานผม จะให้ลาออก มันฝันไปหรือเปล่า

ป๋าเปรมส่งสัญญาณที่ 2 จริยธรรมผู้นำ

ขณะเดียวกัน พล.อ.เปรม ได้ ปาฐกถาเรื่อง "แนวทางพระราชดำริสู่การบริหารจัดการภาครัฐ เกี่ยวกับจริยธรรมผู้นำ 14 ประการ ถือเป็นการส่งสัญญาณสำคัญถึงนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง

8 ก.พ. พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบโต้นักวิชาการที่เคลื่อนไหวให้เขาลาออกว่า รู้สึกเป็นห่วงอาจารย์ขาดสติ อารมณ์พาไป ทำตามกระแส อย่างอาจารย์รัฐศาสตร์บางคนกำลังสนับสนุนการล้มล้างรัฐบาล ล้มล้างประชาธิปไตยด้วยอารมณ์ ขาดสติ ขาดความรู้จะมีปัญหา

หลังจากนั้นได้เกิดเหตุการณ์สำคัญ ๆ ขึ้นหลายเหตุการณ์ด้วยกัน ได้แก่ 17 ก.พ. ชัยอนันต์ สมุทรวณิช แสดงปาฐกถาเพื่อประชาธิปไตยในหัวข้อเรื่องรัฐธรรมนูญที่ดีในสายตาประชาชน ตอนหนึ่งได้มีการแนะนายกฯ ให้ยุบสภาแก้วิกฤตการเมืองพร้อมสับแหลกว่าทุกวันนี้มีแต่การใช้อำนาจทุนครอบงำสังคม นายกฯควรเรียกพี่น้องเข้าทำเนียบบอกให้เลิกโกงกิน

19 ก.พ.พลตรีจำลอง ศรีเมือง ประกาศยกขบวนญาติธรรมผนึกกำลังพันธมิตรกู้ชาติ พร้อม ๆ กับรอยเตอร์รายงานข่าวว่า เวลานี้นายกฯ เปรียบเหมือนเป็น เป็ดง่อย ที่ไม่สามารถผลักดันนโยบายต่าง ๆ ได้ เพราะต้องคอยแก้ไขเอาตัวรอดเฉพาะหน้า

20 ก.พ.เขียน ธีระวิทย์ เมธีวิจัยอาวุโส ทำหนังสือเปิดผนึกถึง 111 อธิการบดีอุดมศึกษาทั่วประเทศเลิกรับจ้างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากไม่มีคุณสมบัติทำวิจัย

21 ก.พ. ผศ.ชิดชนก ราฮัมมูลา อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ระบุ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นต้นเหตุจุดไฟใต้

22 ก.พ.บิ๊กสุ พลเอกสุจินดา คราประยูร แนะ พ.ต.ท.ทักษิณยุบสภาดีกว่าปล่อยให้เกิดเหตุการณ์นองเลือด

23 ก.พ. พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าคารวะพลเอกเปรม ที่บ้านสี่เสาเทเวศน์ และเข้าหารือกับ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ที่บ้านพิษณุโลก

24 ก.พ. พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศยุบสภา และประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่วันที่ 2 เม.ย.หลังจากนั้นได้มีความเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายค้านที่คว่ำบาตรไม่ส่งผู้สมัครเข้ารับเลือกตั้ง เหตุการณ์นี้กระตุกต่อมอารมณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกครั้ง จนกล่าวว่า เล่นอย่างนี้ไม่ไหวแล้วโว้ย หลังจากนั้นมีการเรียกผบ.เหล่าทัพเข้าพบที่ทำเนียบ

ขณะที่ม๊อบไม่ชนะไม่เลิก ที่มีกำหนดการจัดวันที่ 26 ก.พ.ก็มีส่วนทำให้นายกฯ อารมณ์บ่จอย กล่าวว่า จะเอาอย่างไรก็เอากัน ขอให้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายก็แล้วกัน อะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่มาเรียกร้องให้ผมลาออกจากตำแหน่ง เพราะมันไม่มีอยู่ในกติกา ม๊อบก็เป็นกฎหมู่เหนือกฎหมายผมรับไม่ได้

96 คนดัง-ราชสกุลยื่นฎีกาไล่นายกฯ

1 มี.ค. พ.ต.ท.ทักษิณ เปิดตู้ป.ณ. 888 ณ ทำเนียบรัฐบาล ให้ประชาชนส่งเพื่อแสดงเจตนารมณ์รักประชาธิปไตย รักสันติ พร้อมประกาศจัดปราศรัยใหญ่วันที่ 3 มี.ค.ที่สนามหลวง

2 มี.ค. เครือข่ายแพทย์อาวุโสยื่นหนังสือแสดงเจตนารมณ์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกจากตำแหน่ง

5 มี.ค. 96คนดัง-ราชสกุล ถวายฎีกาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตั้งรัฐบาลพระราชทาน วันเดียวกัน ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย

5 มี.ค. ม๊อบเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยรวมตัวกันอีกครั้ง ประกาศสัญญาประชามคมว่าจะชุมนุมจนกว่านายกฯ จะลาออก พร้อมเคลื่อนพลจากสนามหลวง ไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีจุดหมายปลายทางที่ทำเนียบรัฐบาล และได้มีการปราศรัยของเครือข่ายพันธมิตรฯโดยในคืนวันเดียวกันก็ได้เคลื่อนพลกลับมาที่สนามหลวงเช่นเดิม การเคลื่อนพลครั้งนี้เป็นการแสดงแสนยานุภาพให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เห็นทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพซึ่งเป็นการชุมนุมและเคลื่อนพลแบบอหิงสา

6 มี.ค.ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ปาฐกถาเรื่องการใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยให้หลัก 3 ประการคือ 1.การอะไรควรทำโดยใช้เหตุผลไม่ทำตามกระแส 2.ต้องทำอะไรพอประมาณ และ3.ต้องมีคุณธรรม จริยธรรม

7 มี.ค. หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยหลวงตาได้ขอบิณฑบาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลาออกจากรักษาการนายกรัฐมนตรีเสีย เพราะสภาพขณะนี้เน่าเฟะแล้ว เดือดร้อนกันทั้งประเทศ อย่าอยู่ให้หนักเมืองไทย

8 มี.ค.พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ผู้ช่วย ผบ.ตร. โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวขอให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน พร้อมเผยว่า 10 วันก่อนได้ทำหนังสือถึงนายกฯ ให้ถอนตัวจากการเป็นนายกฯ หากได้รับเลือกตั้งเข้ามาอีก เชื่อมีคนดีทำหน้าที่แทน ขณะที่ฝ่ายค้านขอให้มารับสมัครเลือกตั้ง เลิกคว่ำบาตรการเมือง

สถานการณ์เข้าสู่จุดพีค เมื่อ ม.ร.ว.ยงยุพลักษณ์ เกษมสันต์ อดีตอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในผู้ลงนามถวายฎีกาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เปิดเผยถึงการตัดสินใจร่วมกับราชสกุล และคนดัง หลายคน เข้ายื่นฎีกาดังกล่าวว่า ไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงจนเกิดการนองเลือด และต้องการรัฐบาลที่ชอบธรรมกว่านี้

จำคำที่นายกฯทักษิณ ได้พูดเองว่า ถ้ามีใครสักคนมากระซิบที่หู เป็นจุดหนึ่งที่คาอยู่ในใจตลอดเวลา ว่า ไม่ควรมีคำนี้ ให้ประชาชนคนไทย ได้ยิน แต่เมื่อท่านพูดอย่างนั้น จึงขอทูลเกล้าฯขอให้พระองค์ได้ทรงมีพระราชวินิจฉัยออกมา

การเคลื่อนไหวของราชสกุล 10 ตระกูลครั้งนี้ ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่ส่งผลกระเทือนทางการเมืองต่อตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มากที่สุด และยิ่งทำให้สถานการณ์ใกล้สู่จุดสุกงอมเต็มที่เมื่อม๊อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศจะชุมนุมยืดเยื้อแบบค้างคืนในวันที่ 13 มี.ค.และเช้าวันที่ 14 มี.ค.จะมีการเดินขบวนไปยื่นหนังสือขับไล่นายกรัฐมนตรีถึงหน้าทำเนียบรัฐบาล

การเคลื่อนขบวนม๊อบไปหน้าทำเนียบครั้งนี้ ได้สร้างความปริวิตกให้กับผู้คนในสังคมด้วยเกรงว่าจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และอาจนำไปสู่จุดวิกฤตถึงขั้นปะทะหรือนองเลือด โดยเฉพาะหากมีม็อบจากกลุ่มคนรักทักษิณ เข้ามาชุมนุมด้วย โอกาส 2 ฝ่ายจะปะทะกันก็ย่อมเป็นไปได้ ดังนั้นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่คืนวันที่ 13 มี.ค.นี้ เป็นต้นไปน่าจะเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ที่น่าจับตายิ่ง!