เบื้องหลังคำสั่งอายัด146บัญชีดำ อ้างเจอรถตู้ขนเงิน800ล้าน พบหลักฐานโอน1.2พันล้าน 3ครั้งจากดูไบ

ดีเอสไอ ค้นบ้านแกนนำ นปช.พบหลักฐาน"ศิวาพร"โอนเงินกว่า1.2พันล้าน 3 ครั้งจากดูไบ เล็งขยายผลเชิงลึก เบื้องหลังคำสั่งอายัด 146บัญชีดำ รับแจ้งใช้รถตู้ขน 800 ล้าน หากยกเลิก กม.ฉุกเฉิน จะโอนเรื่องต่อให้ดีเอสไอสอบสวนต่อ โดยใช้กฎหมาย"ปปง." "ปลอดประสพ"ลั่น จบเมื่อไหร่ฟ้องแน่ ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับม็อบแดง

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม.ว่า ได้ลงนามคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าตรวจค้นบ้านของเครือข่าย แกนนำ นปช.ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด กว่า 10 จุด เบื้องต้นไม่พบอาวุธ และหลักฐานสำคัญ แต่พบข้อมูลความเชื่อมโยงทางคดีเพียงเล็กน้อย และได้อายัดของใช้บางส่วนมาตรวจสอบขยายผลเพิ่มเติ่ม


นายธาริต ยังกล่าวถึงกรณีอายัดการทำธุรกรรมทางเงินบุคคลตามคำสั่งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการ์ฉุกเฉิน( ศอฉ.)ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งของมูลย้อน หลัง 9 เดือน จากธนาคารและสถาบันการเงิน ของบุคคลตามที่ศอฉ.ประกาศ ทำธุรกรรมก่อนหน้านี้ ซึ่งจะครบกำหนดภายในวันที่ 26 พ.ค. ทั้งนี้คำสั่งระงับการทำธุรกรรมจะมีผลจนกว่า จะมีประกาศยกเลิก พ.ร.ก.การบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงขอให้ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามคำสั่ง

นายธาริตกล่าวว่า ส่วนกรณีบุคคลตามคำสั่ง ศอฉ.ออกมาโวยวาย ยังไม่ได้รับรายงานว่าบุคคลดังกล่าวส่งเรื่องมายัง ศอฉ.ให้เพิกถอนคำสั่งอายัดการทำธุรกรรมแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามระหว่างการสอบสวนดีเอสไอจะพยายามไม่ขยายเครือข่ายผู้ที่ต้องถูกระงับการทำธุรกรรมทางการเงินแบบเหวี่ยงแห แต่จะสั่งห้ามเฉพาะรายเพื่อให้กระทบสิทธิของผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังที่ดีเอสไอนำกำลังตรวจค้น ห้องพักคอนโดมิเนียม ซ.จรัญสนิทวงศ์ 70 ของนางศิวาพร เกตุสิงห์ แล้ว พบเอกสารการโอนเงิน กว่า 1,200 ล้านบาท จำนวน 3 ครั้ง จากประเทศดูไบ ขณะนี้เดีเอสไอกำลังขยายผลเชิงลึกว่านางศิวาพร มีความเชื่อมโยงกกับบุคคลใดบ้าง โดยตรวจสอบเครือข่ายการโทรศัพท์ และฮาร์ดดิสต์ จากคอมพิวเตอร์ที่ตรวจยึดได้

แหล่งข่าวระดับสูงจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า สาเหตุที่ ศอฉ.ตัดสินใจออกคำสั่งอายัดการทำธุรกรรมของนิติบุคคลและบุคคล รวม 146 ราย เนื่องจากมีการตรวจพบการเคลื่อนไหวของเงินในบัญชีสูงถึง 20,000 ล้านบาท โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจนำไปสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง เนื่องจากความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีโครงข่ายโยงใยกับการชุมนุม


"การตรวจความเคลื่อนไหวของยอดเงินเกิดขึ้นจากบริษัทและบุคคล มีการเข้าไปทำเรื่องเบิกเงินจากธนาคารพาณิชย์ถี่ครั้งขึ้น โดยมียอดเงินสูงเกิน 2 ล้านบาทต่อครั้ง โดยตามหลักหากมีการเบิกเงินเกิน 2 ล้าน ธนาคารพาณิชย์ต้องแจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยกรณีดังกล่าว มีการนำรถตู้ไปขนเงินประมาณ 800 ล้านบาท เมื่อ ปปง.ได้รับแจ้ง ซึ่งตรงกับข้อมูลของรัฐบาลที่มีอยู่แล้ว ทำให้ต้องเข้าระงับการกระทำดังกล่าว เพื่อไม่ให้การชุมนุมลุกลาม" แหล่งข่าวกล่าว


แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังได้รับการรายงานข้อมูลว่า แกนนำคนเสื้อแดงได้รับเงินเดือน

โดยทยอยจ่ายเดือนละ 1 ล้านบาท ซึ่งได้รับมาตั้งแต่ก่อนเคลื่อนไหวการชุมนุมเป็นประจำทุกเดือน นอกจากนี้ ยังมีการมอบบ้านในโครงการบ้านจัดสรรที่เกี่ยวข้องการโครงการของรัฐบาลชุดเก่า ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คดีการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินของนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาทั้งหมด หากมีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะโอนไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการต่อ โดยใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.ของ ปปง. รวมถึงกรณีที่หากบุคคลใดที่ถูกระงับการทำธุรกรรมทางการเงิน ต้องการทำธุรกรรมทางการเงินจะต้องขออนุมัติจากเลขาธิการ ปปง. หรือคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นเพื่อการนี้


ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่ ศอฉ.ต้องออกคำสั่งระงับการทำธุรกรรมการเงิน เพราะมีการตรวจสอบพบความผิดปกติการเคลื่อนไหวของนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาจริง ส่วนจะมีการเคลื่อนไหวสูงถึง 20,000 ล้านบาทหรือไม่นั้นต้องยืนยันกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)


นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีการคาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่า จะต้องมีการยื้อเรื่องนี้ แต่อำนาจของ ปปง.คือ การตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน แต่ไม่มีอำนาจที่จะอายัดเงิน การที่มีการโอนคดีในลักษณะนี้ถือว่าเป็นการล็อคคอไว้ ไม่ให้จบง่ายๆ ใครก็มองออกว่าต้องการอะไร ปปง.จะทำเช่นนั้นไม่ได้ ทำไมต้องสร้างกฎขึ้นมาเพื่อลิดรอนสิทธิมุนษยชนคนอื่น ไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้ไม่มียางอายหรืออย่างไร ตอนนี้ประเทศนี้ก็ตกต่ำลงทุกวันแล้ว ยังจะสร้างปัญหาให้เพิ่มมากขึ้น ทั้งที่ผู้ชุมนุมก็สลายการชุมนุมไปแล้ว


"ผมเคยพูดแล้วว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง มากล่าวหาผมในวันนี้ ถือว่ายังมี พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่ก็ทำกันไป แต่ถ้าหมด พ.ร.ก.เมื่อไหร่ก็จะต้องมีการดำเนินคดีฟ้องร้องคืน เพราะเรื่องนี้รัฐบาลจะต้องตอบคำถามตามกฎหมายว่า เอาหลักฐานอะไรมากล่าวหา ผมสงสัยเหมือนกันว่า การที่มีคนบริจาคให้กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นการบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนผู้ก่อการร้าย รัฐบาลจะตรวจสอบอย่างไร แต่ยืนยันว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน 100% แต่ใครทำอะไรไว้ ขอแช่งให้ความเสียหาย ความตกต่ำ ความชั่วช้าเหล่านั้นกลับคืนสู่คนที่ทำทั้งหมด" นายปลอดประสพกล่าว


 


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์