นพ.ชัยวัน กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการรักษาพล.ต.ขัตติยะ หลังจากถูกยิงเมื่อวันพฤหัสบดี 13 พฤษภาคม ได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลหัวเฉียว
หลังจากนั้น รพ.วชิระ ได้รับการร้องขอจากญาติให้รับ ผู้ป่วยเข้ามารักษาตัว ซึ่งดูจากอาการผู้ป่วย ค่อนข้างวิกฤตโอกาสรอดชีวิตน้อย โดยทำการย้ายมาในเวลา 23.50 น. เข้าอยู่ในห้องไอซียูระบบศัลยกรรมประสาท
จากนั้นแพทย์ได้ทำการเอ็กซเรย์สมองด้วยคอมพิวเตอร์ พบว่า กระสุนเข้าทางกะโหลกบนด้านขวา ทะลุออกทางกะโหลกด้านล่างซ้าย แรงกระสุนทำให้กะโหลกแตกและเศษกะโหลกเข้าไปอยู่ในเนื้อสมอง สิ่งที่กังวลขณะนั้น คือ เกรงว่าผู้ชุมนุมจะเข้ามาเผชิญหน้าและมีผลต่อผู้ป่วยคนอื่น แต่หลังจากพูดคุยทำความเข้าใจ ก็ไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
นพ.ชัยวัน กล่าวว่า เมื่อรับ พล.ต.ขัตติยะ เข้ามารักษาอาการที่น่าห่วงคือ การแข็งตัวของเลือดอยู่ที่ 1.7 มากกว่าปกติ และมีปัญหาในเรื่องดังกล่าวมาตลอดที่ทำการรักษา ทำให้ทีมแพทย์รีบผ่าตัดในคืนวันที่ 13 พฤษภาคม ทันที โดยออกจากห้องผ่าตัดเวลา 03.30 น. หลังจากการผ่าตัดอาการยังอยู่ในภาวะวิกฤตพร้อมเสียชีวิตทุกนาที แต่ใช้ยากระตุ้นความดันลดลง แต่อัตราการแข็งตัวของเลือดอยู่ที่ 1.3 ดีกว่าก่อนผ่าตัด เมื่อเข้าสู่วันที่ 15 พฤษภาคม หลังการผ่าตัด อาการทั้งหมดคงตัว
แต่เมื่อเข้าสู่วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม ความดันเริ่มไม่คงที่ ต้องใช้ยากระตุ้นความดันมากขึ้น และปัสสาวะน้อยลง จนไม่สามารถขับของเสียได้
ทำให้เข้าสู่ภาวะไตวายเฉียบพลัน แพทย์ทำการช่วยเหลือโดยการล้างไต จนความดันไม่สามารถวัดได้ และเสียชีวิตในที่สุด ในส่วนของการรักษารวมแล้วแพทย์ใช้เม็ดเลือดแดงเข้มข้น 17 หน่วย พลาสม่า 23 หน่วย ส่วนประกอบของเลือดที่ช่วยในการแข็งตัว 7 หน่วย ความเข้มข้นของเลือด 18 หน่วย และยากระตุ้นความดัน 650 หลอด
นพ.จรูญศักดิ์ นวลแจ่ม หัวหน้าภาควิชานิติเวช วชิรพยาบาล กล่าวว่า หลังจากผู้ป่วยเสียชีวิตแพทย์จะพักศพเพื่อสังเกตุตามขั้นตอนหลังเสียชีวิต 2 ชั่วโมง
ก่อนจะเคลื่อนย้ายมาทำการชันสูตรพลิกศพ โดยได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ สน.สามเสน ตามกฎหมายเพื่อร่วมชันสูตร โดยแพทย์จะทำการเก็บหลักฐาน เพื่อนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจประกอบคดีต่อไป แต่ไม่ได้มีการประสานเจ้าหน้าที่จากดีเอสไอ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องประสานกันเอง โดยเมื่อดูจากลักษณะบาดแผลคาดว่า จะเป็นอาวุธความเร็วสูง
นพ.สมเกียรติ วงศ์สุริยนันท์ หัวหน้าภาควิชาประสาทศัลยแพทย์ ภาควิชาศัลยศาสตร์ หัวหน้าคณะผ่าตัด กล่าวว่า การผ่าตัดค่อนข้างเป็นไปด้วยความยากลำบาก
เนื่องจากผู้ป่วยมีปัญหาหลายเรื่อง โดยเฉพาะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ และสมองบวม เมื่อดูจากการเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง ไม่พบว่ามีเศษโลหะค้างอยู่ในกะโหลก มีเพียงเศษกะโหลกที่เกิดจากแรงทำลายของอาวุธ ทำให้ตกค้างอยู่ในสมอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว นพ.ชัยวัน ได้นำภาพของพล.ต.ขัตติยะ ตั้งแต่การนำส่งตัวมาจาก รพ.หัวเฉียว รวมทั้งภาพฟิล์มเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง แสดงรอยของทางเข้าและออกของบาดแผล และลักษณะของอาการภายหลังการถูกยิงที่เกิดขึ้น มาให้ผู้สื่อข่าวดูด้วย
จากนั้น เวลา 10.55 น. พ.ต.อ.ชยุต มารยาทย์ ผู้กำกับสน.สามเสน ได้เดินทางมาร่วมชันสูตรพลิกศพกับทางโรงพยาบาลวชิระ โดยได้เตรียมกำลังสายตรวจไว้ หากมีกรณีที่มีประชาชนเดินทางมาที่โรงพยาบาลจำนวนมาก
เวลา 11.30 น.เจ้าหน้าที่ รพ.วชิระได้เคลื่อนย้ายศพ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ออกจากอาคารเพชรรัตน์ ตึกผู้ป่วยฉุกเฉินมายังอาคารนิรมัย เพื่อทำการชันสูตรศพ ท่ามกลางความเศร้าเสียใจของญาติสนิทและกลุ่มคนรัก เสธ.แดง จำนวนกว่า 30 คน ที่เดินทางมาให้กำลังใจและรอรับศพเพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดโสมนัสวรวิหาร ขณะที่ นส.ขัตติยา สวัสดิผล หรือน้องเดียร์ บุตรสาวของเสธ.แดง ยังคงอยู่ในอาการเศร้าเสียใจ สีหน้าอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด ระหว่างนี้เจ้าหน้าที่ได้นำของใช้ติดตัวของเสธ.แดงมามอบให้กับญาติ อาทิ หมวก ผ้าพันคอ และกระติกน้ำ โดยน้องเดียร์ได้เข้ากอดหมวกของเสธ.แดงที่ใส่เป็นประจำ พร้อมทั้งร้องไห้ออกมาก่อนที่จะนำของทุกอย่างบรรจุลงในถุงสีน้ำตาลที่เตรียมไว้
กระทั่งเวลา 15.40 น. เจ้าหน้าที่ รพ.วชิระเคลื่อนย้ายศพเสธ.แดง ที่อยู่ในชุดทหารลายพราง มีหมวกทหารปิดหน้า ขึ้นรถตู้ของโรงพยาบาล
ระหว่างนั้นได้เกิดเหตุชุลมุนขึ้น โดยกลุ่มคนรักเสธ.แดงได้พยายามเข้าไปใกล้ศพ รวมทั้งร้องขอให้เจ้าหน้าที่เปิดประตูให้เข้าไปส่งศพเป็นครั้งสุดท้าย แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำตามคำร้องขอดังกล่าว กลุ่มคนรักเสธ.แดงจึงปรบมือ พร้อมทั้งตะโกนว่า “เสธ.แดง คือ นักรบประชาชน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา16.00น. วันที่ 17 พฤษภาคม รถของโรงพยาบาลวชิระ ได้นำศพ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ในชุดทหารลายพราง
ซึ่งเป็นชุดที่ใส่ประจำระหว่างมีชีวิต เดินทางถึงศาลา 9 วัดโสมนัส ท่ามกลางเสียงปรบมือของกลุ่มคนรักพล.ต.ขัตติยะและกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.จำนวนเกือบพันคนที่ดังกึกก้องตลอดทางเข้าวัดจนถึงศาลา พร้อมทั้งมีเสียงตะโกนขึ้นมาว่า "เสธ.แดง สู้ๆ" นอกจากนี้ยังมีหลายคนร้องไห้เสียใจที่พล.ต.ขัตติยะเสียชีวิต เมื่อเดินทางถึงวัดแล้ว น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล หรือ "เดียร์" บุตรสาวของพล.ต.ขัตติยะ และบุตรสาวอีกหนึ่งคนของพล.ต.ขัตติยะ เดินถือกระถางธูปนำหน้าศพ ซึ่งระหว่างที่นำศพไปตั้งในศาลาก็ยังคงมีเสียงปรบมือดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พระพิธีธรรม สวดพระอภิธรรมศพ กำหนดเวลา 3 คืน ระหว่างวันที่ 17-19 พฤษภาคม
ตั้งแต่เวลา18.30น. และพระราชทานเครื่องประกอบเกียรติยศ ประกอบด้วย โกศ 8 เหลี่ยม ฉัตรเบญจา ตั้งประดับ ปี่กลองชนะประโคมตอนพระราชทานน้ำอาบศพ อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีประชาชนทยอยมาร่วมงานศพพล.ต.ขัตติยะเป็นจำนวนมาก ทำให้กำหนดการในการอาบน้ำศพต้องเลื่อนจากเวลา17.00น. เป็นเวลา17.30น.
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายในงานศพพล.ต.ขัตติยะมีบุคคลมีชื่อเสียงมาร่วมงานด้วย อาทิ
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 11 เป็นต้น และมีพวงหรีดจำนวนกว่า 100 พวง ส่งมาไว้อาลัยพล.ต.ขัตติยะ เช่น พวงหรีดจาก พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี, พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช, ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล, 111 ไทยรักไทย, นายร้อยพระจุลจอมเกล้ารุ่นที่ 22, ตท.รุ่น 11 เป็นต้น
เพื่อนนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 11 คนหนึ่ง ไม่เปิดเผยชื่อ กล่าวว่า ได้คุยกับพล.ต.ขัตติยะเพียง 1 วันก่อนพล.ต.ขัตติยะเสียชีวิต ได้เตือนไปว่าจะถูกยิงเพราะทราบข่าวมา และกล่าวด้วยว่า เสธ.แดงเป็นคนดี แต่ชอบแสดงออก รู้สึกเสียใจมาก เพราะเสธ.แดงเป็นคนที่เพื่อนฝูงรัก