นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช. )
แถลงเมื่อเย็นวันที่ 16 พฤษภาคมว่า แกนนำ นปช.มีมติขออให้รัฐบาลหยุดยิง แล้วให้กำลังทหารถอยห่างออกจากแนวเผชิญหน้า ระหว่างทหารกับประชาชน หลังจากรัฐบาลประกาศหยุดยิงแล้ว นปช.ก็พร้อมยุติการชุมนุมและเข้าสู่การเจรจาโดยสันติวิธีโดยทันที และขอให้สหประชาชาติ(ยูเอ็น)มาเป็นตัวกลาง ในการประสานงานเรื่องเรื่องแผนปรองดอง เนื่องจากขณะนี้ไม่มีองค์กรในประเทศเป็นที่ไว้วางใจได้แล้ว
ก่อนหน้านี้ เวลาประมาณ 15.00 น. นายจตุพร พรหมพันธ์ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำ นปช.ร่วมกันแถลงข่าว
พร้อมนำตัว นางนารี แสงประเสริฐศรี มารดาของนายมานะ แสงประเสริฐศรี เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพป่อเต็กตึ๊ง ที่ถูกยิงเสียชีวิตที่ย่านบ่อนไก่ขณะลำเลียงผู้บาดเจ็บออกจากที่เกิดเหตุมาแสดงตัวด้วย
นายจตุพรกล่าวว่า นปช.ขอแสดงความเสียใจ และเชื่อว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจะมากกว่า 24 ราย นี่ถือเป็นโศกนาฏกรรมที่ผู้เสียชีวิตเป็นประชาชน
การที่นายกฯ ให้ทหารติดอาวุธถือเป็นเหตุผลในการสั่งฆ่า และทราบว่ารัฐบาลจะประกาศเคอร์ฟิว ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถาน ขอเตือนว่าการประกาศทุกครั้งไม่สามารถยับยั้งประชาชนไม่ให้ออกมาได้ หนำซ้ำจะทำให้ประชาชนลุกฮือขึ้นมา ซึ่งการเสียชีวิตของนายมานะถือว่าอยู่ในชะตากรรมเดียวกับพวกตนที่ไม่รู้ว่าวันใดจะถูกสไนเปอร์ตัดสิน
นายจตุพรกล่าวว่า การที่นายกฯ อ้างเรื่องสถาบันแล้วมาเป็นเหตุฆ่ามนุษย์ เพื่อนร่วมชาติ ถือเป็นความเลวร้าย ถ้าต้องการฆ่าพวกตนก็ขอให้มา
แต่อย่าแอบอ้างสถาบัน วันนี้ถ้ามีการสั่งฆ่าประชาชนหนึ่งคนเท่ากับว่านายอภิสิทธิ์ได้เพิ่มศัตรูที่เป็นญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตอีกมาก และไม่ว่านายอภิสิทธ์จะประกาศเคอร์ฟิว กฎอัยการศึกอีกสักกี่ครั้งก็ไม่สามารถ หยุดประชาชนได้ ตราบใดที่นายอภิสิทธิ์ ยังไม่หยุดฆ่า พวกตนก็จะอยู่ที่นี่ ยอมรับความตายอยู่ที่ราชประสงค์ทุกคน ถ้าจะออกไปก็ต้องเป็นร่างไร้วิญญาณ
“ถ้ามีผู้ก่อการร้ายแฝงตัวในผู้ชุมนุมจริง 3 วันที่ผ่านมาก็ต้องมีทหารบาดเจ็บหรือเสียชีวิตบ้าง แต่ขณะนี้ยังไม่มีทหารเสียชีวิตแม้แต่รายเดียว ดังนั้น การกล่าวอ้างว่ากลุ่มผู้ชุมนุมติดอาวุธและก่อการร้ายจึงไม่เป็นความจริง น่าเสียใจที่สุดคือ นายอภิสิทธิ์อธิบายทุกอย่างว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสถาบัน เพื่อมาใช้เป็นข้ออ้างในการฆ่ามนุษย์ ซึ่งถือเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุด เพราะมีทหารหลายคนมาบอกว่าเป็นอย่างนี้ ทหารจึงต้องทำ ซึ่งการดำรงอยู่ของการเป็นนายกฯ ไม่จำเป็นต้องฆ่าคนในชาติ หากยิ่งฆ่าก็เป็นการ เพิ่มศัตรูที่เป็นญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตขึ้นอีก เหมือนเช่น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้” นายจตุพรกล่าว
นายจตุพรกล่าวว่า เหตุการณ์วันที่ 20 พฤษภาคม 2535 หากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เรียกคู่ขัดแย้งมาหยุดยั้งความตายในวันนั้น ไม่รู้จะมีกี่พันศพ วันนี้ก็เช่นกัน พวกตนเป็นพสกนิกร ก็ขอพึ่งพระบารมีพระองค์ เพราะเราไม่มีที่พึ่งจริงๆ และหากทหารยังไม่หยุดการยิงประเทศไทยก็จะเหมือนประเทศรวันดา และอีกหลายๆ ประเทศที่เกิดสงครามกลางเมืองล้างเผ่าพันธุ์ นอกจากนี้ การที่กองทัพยังมีการใช้อาวุธเอ็ม 79 และโยนความผิดให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงนั้นไม่เป็นความจริง เพราะในคลังแสงทุกหน่วยของกองทัพยังมีอาวุธดังกล่าวอยู่ อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีหลายฝ่ายเรียกร้องให้อพยพเด็กและสตรีไปไว้ในวัดปทุมวนาราม เพื่อความปลอดภัยนั้น เรื่องนี้ต้องไปบอกทหารให้หยุดยิง เพราะคนที่ตายคือพวกตน ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐทหารไม่ยิงใส่พวกเขาก็ไม่มีใครตาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เพราะเหตุใดจึงขอพึ่งพระบารมี นายจตุพรกล่าวว่า เรื่องนี้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ รวมถึงตนก็ออกมาแสดงความคิดเห็นนี้ เพราะเวลานี้คนไทยเห็นว่าพระบารมีเป็นที่พึ่งสุดท้าย และเชื่อว่าแนวทางนี้จะไม่ก่อให้เกิดความระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท มีแต่จะเพิ่มพระบารมี เพราะหากปล่อยให้มีการฆ่าประชาชนจะเป็นการเพิ่มความระคายเคืองมากกว่า