โฆษก พท.อัดรบ.-ทหารไร้ศักดิ์ศรี โยนความผิดปชช.ตายเพราะยิงกันเอง



นายพร้อมพงศ์  นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงเมื่อวันที่ 16 พ.ค. ว่า ตามที่ ศอฉ.โดยความเห็นชอบของนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ กำลังทหารพร้อมอาวุธสงครามเข้ากระชับวงล้อมของผู้ชุมนุม กลุ่ม นปช. และให้ใช้กระสุนจริงได้ โดยเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.53 เป็นต้นมา ส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิตแล้วขณะนี้ถึง 24 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 194 คนนั้น แทนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและทหารระดับผู้บังคับบัญชาจะออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลับพากันออกทีวีแถลงปัดความรับผิดชอบแล้วโยนความผิดให้ผู้ชุมนุมโดยขาดศักดิ์ศรีความเป็นชายชาติทหารที่ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด ซึ่งตนขอตั้งข้อสังเกตถ้อยแถลงของนายทหารของศอฉ.และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะว่า เป็นการหลอกลวงประชาชนทั้งประเทศ เพราะสถานการณ์จากภาพข่าวทั้งสำนักข่าวไทยและต่างประเทศเป็นที่ยืนยันได้ชัดเจนว่า นายอภิสิทธิ์ และทหารคือผู้สั่งฆ่าประชาชนกล่าว เพราะข้ออ้างว่ากระชับวงล้อมนั้นแท้จริงแล้วก็คือปฏิบัติการขั้นตอนหนึ่งของการสลายการชุมนุมนั่นเอง  ซึ่งมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าว่า หากมีการสูญเสียชีวิตของประชาชนจะโยนความผิดไปให้ผู้ชุมนุมว่าขัดแย้งและยิงกันเอง


 "หนึ่งวันก่อนเข้าปฏิบัติการ นายเทพไท เสนพงศ์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ผู้ชุมนุมขัดแย้งและจะฆ่ากันเอง ปรากฏว่าวันเย็นวันที่ 13 พ.ค. เสธ.แดง ถูกพวกสไนเปอร์ยิง ต่อมาเมื่อทหารปฏิบัติการแล้วมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก นายปณิธาน วัฒนายากร และ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ได้ออกมาแถลงเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ว่าการเสียชีวิตเกิดจาก การ์ด นปช.ยิงกันเอง และในวันที่ 15 พ.ค. พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ และพวกได้ออกมาแถลงทำนองเดียวกันว่าทหารไม่ได้ยิงประชาชนแต่เป็นการยิงกันเอง ต่อมานายอภิสิทธิ์ก็พูดประเด็นนี้อีกไปในทำนองเดียวกัน ทั้งที่ข้อเท็จจริงการยิงเสธ.แดงนั้นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ฝึกมาเฉพาะด้านเท่านั้นที่จะทำได้ซึ่งก็คือทหาร ส่วนการเสียชีวิตของประชาชนปรากฏชัดเจนว่าทหารได้ใช้อาวุธสงครามยิงเข้าใส่ประชาชนทั้งวันโดยไม่มีข้อมูลหรือหลักฐานใดยืนยันสักนิดเดียวว่าผู้ชุมนุมขัดแย้งและยิงกันเองตามที่บุคคลเหล่านี้กล่าวอ้าง"
   
นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า ที่ศอฉ.อ้างว่าภายในกลุ่มผู้ชุมนุมมีกองกำลังติดอาวุธแฝงอยู่นั้นเป็นเพียงการอาศัยสถานการณ์จากวันที่ 10 เม.ย. มาเป็นข้ออ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับทหารที่จะใช้อาวุธปราบปรามประชาชน เพราะตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค. ที่ทหารเริ่มปฏิบัติการไม่มีข้อเท็จจริงว่ามีกองกำลังติดอาวุธดังกล่าวเลย เป็นการอ้างของรัฐบาลและทหารลอยๆเท่านั้น ส่วนเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. นั้นมีหลายฝ่ายเห็นว่าเป็นความขัดแย้งของทหารและฆ่ากันเอง ดังนั้นที่อ้างที่ว่ามีกองกำลังติดอาวุธยิงเอ็ม 79 เข้าใส่ทหารถึง 16 ลูกนั้น จะเห็นได้ว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของฝ่ายทหารเอง เพราะก่อนออกปฏิบัติการ ศอฉ.ได้แถลงไว้ล่วงหน้าว่า จะไม่ใช้ เอ็ม 79 เพื่อให้สอดรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าถ้ามีการยิงเอ็ม 79 จะไม่ใช่การกระทำของทหาร ข้อนี้มีเหตุผลสนับสนุนคือ ตั้งแต่มีการชุมนุมของ นปช.เป็นต้นมา ได้เกิดเหตุยิง เอ็ม 79 มาโดยตลอดและเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถจับคนยิงได้แม้แต้ครั้งเดียวทั้งที่มีทหารอยู่เต็มพื้นที่กรุงเทพ และมีข้อน่าสังเกตว่า มีการยิง เอ็ม 79 จำนวนมาก แต่รัศมีที่กระสุนไปตกกลับไม่ถูกทหารเลยแต่กลับตกห่างจากที่ตั้งกำลังทหารในระยะที่ปลอดภัยแสดงให้เห็นว่าผู้ยิงมีความเชี่ยวชาญที่สามารถกำหนดวิถีการยิงได้ หากเป็นการยิงของกองกำลังติดอาวุธจริงทหารคงต้องเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากแล้ว ส่วนการยิงเอ็ม 79 ไปที่แฟลตตำรวจนั้นขอตั้งข้อสังเกตว่าก่อนหน้านี้มีความขัดแย้งระหว่างตำรวจและทหารที่ตำรวจไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังปราบปรามประชาชน จึงสร้างความไม่พอใจให้กับทหาร การยิงไปที่แฟลตตำรวจเพื่อสร้างความเข้าใจผิดว่าฝ่ายผู้ชุมนุมเป็นคนทำ 
            
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า  ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าเหตุการณ์การเสียชีวิตและบาดเจ็บของประชาชนนั้นเกิดจากการกระทำของทหารและรัฐบาล และเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ ต้องรับผิดตามกฎหมาย นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ นายสุเทพ  เทือกสุบรรณ นายทหารที่มีส่วนในปฏิบัติการดังกล่าวต้องรับผิดชอบในข้อหาฆ่าคนตายซึ่งมีอัตราโทษสูงสุด และเข้าข่ายเป็นกาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติซึ่งอยู่ในอำนาจของศาลอาญาระหว่างประเทศที่จะดำเนินการได้


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์