โต้เป็นการสร้างข่าวให้เกิดความวุ่นวาย อัดกองกำลังเสื้อแดงเป็นหน่วยติดอาวุธหนักที่สุด เตรียมส่งหนังสือชี้แจงทั่วโลกถึงปฏิบัติการกำราบม็อบแดง...
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าววันนี้ (15 พ.ค.) ที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
สถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงชี้ให้เห็นว่า สอดคล้องกับที่แกนนำเสื้อแดงระบุจะทำสงครามประชาชน และสงครามกลางเมือง โดยมีการปลุกระดมใช้ข้อมูลข่าวสารบิดเบือน ทำให้รัฐต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดต่อไป ซึ่งการใช้อาวุธโจมตีเจ้าหน้าที่นั้น แตกต่างกับที่นปช.ดำเนินการในการส่งหนังสือไปถึงต่างประเทศว่า รัฐบาลใช้กำลังจัดการกับประชาชนมือเปล่า แต่ความจริงเจ้าหน้าที่พยายามกำชับวงล้อม สกัดการเติมกำลังสนับสนุนของผู้ชุมนุม แต่กลับถูกผู้ชุมนุมโจมตีด้วยอาวุธหนัก อาจกล่าวได้ว่าเป็นกองกำลังติดอาวุธหนักที่สุดหลังสงครามคอมมิวนิสต์
รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวด้วยว่า จำเป็นที่รัฐบาลต้องทำความเข้าใจกับต่างประเทศ โดยนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้ชี้แจงในที่ประชุมศอฉ.
ได้ส่งหนังสือถึงรมว.ต่างประเทศทุกประเทศ เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และทำความเข้าใจต่อสถานเอกอัครราชทูตทุกแห่งในประเทศไทย การดำเนินการของนปช.มีจุดมุ่งหมายสร้างความรุนแรง เพื่อโค่นล้มอำนาจรัฐ เป็นการเห็นแก่ตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และแกนนำที่นิยมความรุนแรง โดยการปลุกระดมมวลชนที่นิยมชมชอบในตัวพ.ต.ท.ทักษิณ มาใช้เป็นเครื่องมือต่อสู้เพื่อชัยชนะส่วนตัว ส่วนข้อต่อรองของแกนนำในการเจรจา ไม่ใช่ข้อเรียกร้องเพื่อมวลชน แต่เป็นข้อเรียกร้องส่วนตัว เช่น การต่อรองเรื่องการดำเนินคดี การประกันตัว เมื่อไม่ได้รับการตอบสนองก็ล้มการปรองดอง
นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงเกี่ยวพันกับการตัดสินใจของพ.ต.ท.ทักษิณ และแกนนำเสื้อแดง
และชี้ให้เห็นว่า ข้อเรียกร้องของพ.ต.ท.ทักษิณ 4 ข้อ ตรงกันข้ามกับพฤติกรรมที่ชี้ให้แกนนำและมวลชนตัดสินใจ ทั้งการเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่หยุดใช้กำลัง แต่กลับให้แกนนำปลุกระดมมวลชนใช้อาวุธโจมตีเจ้าหน้าที่ การเรียกร้องให้เจรจา แต่ฝ่ายแกนนำกลับล้มโต๊ะเจรจา หรือข้อเรียกร้องเรื่องแผนปรองดองที่มีการต่อรองเรื่องการดำเนินคดี ดังนั้นข้อเรียกร้อง 4 ข้อ จึงเป็นการสร้างภาพ เพื่อสนับสนุนแนวทางการใช้ความรุนแรงของมวลชน ที่พ.ต.ท.ทักษิณและแกนนำเป็นผู้สั่งการอยู่ ทั้งนี้รัฐบาลต้องทำความเข้าใจกับประชาชน
รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่
เพื่อมาร่วมขบวนกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอีกครั้งว่า เป็นสิทธิ์ที่ดำเนินการได้ แต่คงไม่มีผลกระทบต่อสิ่งที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการอยู่ใน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณว่ากลุ่มพันธมิตรฯจะออกมาชุมนุมเพื่อซ้ำเติมสถานการณ์ แต่หากมีการชุมนุมแทรกซ้อนก็อาจเกิดผลเสียต่อการปฏิบัติการได้ ส่วนการดูแลพื้นที่ชุมนุมในต่างจังหวัด ทราบว่ามีการเปิดเวทีคู่ขนาน 26 จังหวัด แต่มีผู้ชุมนุมไม่มาก ศอฉ.จึงไม่กังวล เพราะนายสุเทพได้ประชุมผู้ว่าฯกับแม่ทัพภาคไปแล้ว คิดว่าควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ต่างจังหวัดได้ แต่ที่เป็นห่วงคือเรื่องการปลุกระดมมวลชนผ่านทางเครือข่ายต่างๆ ซึ่งฝ่ายปกครองและตำรวจ ต้องมีความเข้มงวดกวดขันต่อไป
เมื่อถามว่า มีข่าวลือการยิงระเบิดเอ็ม 79 ถล่มกรมทหารราบที่รักษาพระองค์ เมื่อคืนวันที่ 14 พ.ค. ทำให้นายกฯและรองนายกฯถูกยิงบาดเจ็บ
นายสาทิตย์ตอบว่า ต้องระวังเรื่องข่าวสาร เพราะมีความพยายามสร้างข่าวให้เกิดความวุ่นวาย ยืนยันว่า สถานการณ์ที่ ร.11 รอ. ยังปกติ นายกฯและรองนายกฯยังติดตามสถานการณ์ร่วมกับผบ.ทบ.และเจ้าหน้าที่ตามปกติ ทุกคนยังประชุมตามปกติ ขอให้สื่อระวังการเสนอข่าว เพราะมีการสร้างข่าวให้เกิดความสับสนตลอด ขณะนี้ไม่มีปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ ทุกอย่างยังเป็นเอกภาพอยู่
สาทิตย์ ปัดข่าวนายกฯถูกเอ็ม79 ถล่มบาดเจ็บ
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง สาทิตย์ ปัดข่าวนายกฯถูกเอ็ม79 ถล่มบาดเจ็บ
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!