อ้อขอพบป๋าให้แม้วกลับไทย สนธิกร้าวถึงบินมาไม่ให้ลง

"พจมาน" เตรียมบุกบ้านป๋าเปรม อ้อนขอให้ "ทักษิณ" กลับประเทศไทย ด้าน "สนธิ" ลั่นยังไม่ให้กลับ ขู่นั่งเครื่องมาก็ไม่ยอมให้ร่อนลงจอด ยอมรับมี "คลื่นใต้น้ำ" รอบประเทศจริง ลั่นรู้ตัวแล้วใครเป็นแกนนำ ขณะที่ "สุรยุทธ์" นั่งหัวโต๊ะถกหัวหน้า 43 พรรคการเมืองกินข้าว รับปากเสนอสภานิติฯ ยกเลิกประกาศที่จำกัดสิทธิ ปชช.ในต้น พ.ย.นี้

รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 26 ตุลาคม นี้ เวลาประมาณ 09.00 น. คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยทนายความส่วนตัว จะเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์

รายงานข่าวระบุว่าการขอเข้าพบ พล.อ.เปรม ครั้งนี้ เพื่อขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ และเพื่อชี้แจงบัญชีทรัพย์สินด้วย

ด้านนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปฏิเสธไม่ทราบถึงข่าวที่ระบุว่า คุณหญิงพจมาน และทนายความส่วนตัว จะเดินทางเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ และยืนยันว่า เขาไม่ได้มีกำหนดเข้าพบ พล.อ.เปรม แต่อย่างใด

"ผมไม่รู้เรื่องนี้เลย และก็ไม่ทราบว่า คุณหญิงพจมาน จะไปพบ พล.อ.เปรม พร้อมกับใครบ้าง ในตอนนี้และในอนาคตอันใกล้ ผมไม่มีกำหนดการจะไปพบ พล.อ.เปรม และผมก็ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวกับ พล.อ.เปรม ด้วย" นายนพดล กล่าว

ภายหลังการนำกำลังทหารเข้าปฏิรูปการปกครอง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทหารบก (ผบ.ทบ.) และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์พิเศษ "คม ชัด ลึก" ยอมรับว่ามีคลื่นใต้น้ำเกิดขึ้นรอบประเทศจริง พร้อมวิงวอนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เห็นแก่ส่วนรวมอย่าเพิ่งกลับเข้าประเทศในเวลานี้ แต่หากจะนั่งเครื่องบินกลับเข้ามาจริงก็จะไม่ยินยอมให้ร่อนลงจอด

พล.อ.สนธิ ให้สัมภาษณ์พิเศษ "คม ชัด ลึก" ยอมรับว่า มีคลื่นใต้น้ำจริงๆ ในการปลุกระดมแนวความคิดต่อต้าน คมช. ทั้งในมหาวิทยาลัย ต่างจังหวัด หรือแม้แต่ใน กทม. ดังนั้น ใน 1 ปีกองทัพจะทำงานมวลชนเหมือนสมัยก่อน คลื่นใต้น้ำมาจากหลายส่วน แต่บางรายก็ออกมาเรียกร้องด้วยความบริสุทธิ์ใจซึ่งก็ไม่เป็นไร สามารถคิดต่างกันได้อยู่แล้ว

เมื่อถามว่า คลื่นใต้น้ำใน กทม.เป็นกลุ่มไหน พล.อ.สนธิ กล่าวว่า มันมีกลุ่มจัดตั้งที่เป็นกำลังในการต่อต้านตีหัวคนบ้าง

เมื่อถามว่าจะยกเลิกกฎอัยการศึกได้เมื่อไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ใจอยากจะรีบยกเลิก เพราะสงสารนอกประเทศที่มองเข้ามา ซึ่งตนก็บอกกับทุกคนว่า ไม่อยากถือไว้หรอก แต่ก็มีผลดีหากใครจะก่อความไม่สงบ ขณะนี้ คมช.มีชื่ออยู่แล้วว่า ใครเป็นแกนนำในการจัดตั้งคลื่นใต้น้ำ บางกลุ่มก็รู้ บางกลุ่มก็ไม่รู้ หรือบางส่วนทาง คมช.ก็ยังตามไม่ได้ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีอาชีพ เลยจะต้องใช้กฎอัยการศึกเป็นตัวช่วย

เมื่อถามว่า กฎหมายความมั่นคงตัวอื่นช่วยไม่ได้หรือ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ก็มีอยู่ซึ่งเบากว่ากฎอัยการศึก

เมื่อถามว่า หากยกเลิกกฎอัยการศึก นักการเมืองหน้าเก่าของพรรคไทยรักไทยก็จะเคลื่อนขบวนเพื่อเอาคืนแน่กับ คมช. พล.อ.สนธิ กล่าวว่า จริงๆ แล้ววิธีการเอาคืนพูดง่าย แต่ว่าขณะนี้ได้มาเหมือนคนเราเคยมีเรี่ยวมีแรง มีแขนมีขา ในเมื่อเรี่ยวแรงมันน้อยลง แขนขาไม่ดี ก็จะต้องหาวิธีการ

เมื่อถามว่า ทฤษฎีที่ พล.อ.สนธิเคยบอกว่า เงินน่ากลัวกว่าอาวุธ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า นั่นหมายถึงว่า จริงๆ แล้ว ณ เวลานี้อาวุธไม่มีความหมายอะไร แต่ว่าเมื่อมีเงินแล้วก็ไม่รู้จะไปใช้อะไรหมด ตนมองในแง่ยุทธศาสตร์ที่จะต้องทำให้เงินไม่มีค่า แต่เงินมีค่า จะต้องทำให้ไม่มีค่า การที่ทำให้เงินไม่มีค่า คือ อุดมการณ์ของคนที่ไม่มีโอกาสออกไปใช้ทำอะไร หรือมีเงินก็ใช้ไม่ได้

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางกลับประเทศไทยได้เมื่อไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เวลาอีกยาวไกล อย่าไปรีบร้อน คนที่อยู่ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ไม่ใช่พวกประจบสอพลอก็ไม่ฟัง ไปฟังพวกกลุ่มใกล้ชิด 4-5 คน

เมื่อถามว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ เหมาเครื่องบินกลับมาเลยโดยที่ไม่สนใจ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า "ผมไม่ให้ลง จะมาต้องบอกผม ถ้าไม่บอกผม ผมไม่ให้มา"

เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์ พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาประเทศไทย โดยจะให้ทหารจับเหมือนออง ซาน ซู จี ที่ถูกทางการพม่าจับกุมตัวไว้ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คงไม่ แต่ตนคงไม่ให้ลงแน่นอน เรียนตามตรง ถ้าเผื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นต่อประเทศชาติ เห็นแก่บ้านเมือง ตนคิดว่าอย่าเพิ่งรีบกลับเลย เพราะมีตัวแทนอยู่แล้ว และหัวหน้าพรรคใหม่ก็มีแล้ว คิดว่าน่าจะให้คนนี้ทำไปก่อน และมีอะไรก็โทรศัพท์คุยเอา ตนว่าไม่น่าจะรีบร้อนกลับมา

เมื่อถามว่า คมช.มีแผนที่จะตั้งข้อหา หรือดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อันนี้ขึ้นอยู่กับทางด้านกฎหมาย เราพยายามแบ่งงานออกไปตามแขนงต่างๆ ที่ใครมีความรับผิดชอบก็ว่ากันไป เราตั้งคณะ ป.ป.ช. คตส.ขึ้นมา ทั้งสองคณะก็จะต้องไปเดินงานตามกรอบของกฎหมายเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม หากเราไปทำอย่างอื่นก็จะเป็นข้อครหาต่อสังคมโลกอีกว่า ทำไมไม่ไปทำตามกฎหมาย ตนเองก็พยายามที่จะทำไม่ให้ถึงกฎอัยการศึก ซึ่งมีผลกระทบต่อสังคมและประชาชนทั้งประเทศอยู่แล้ว ถ้ากฎหมายตรงนี้เดินไปตามครรลองของมันน่าจะเพียงพอ ทุกคนที่ตั้งเข้าไปทำงานใน คตส.ก็เป็นคนที่มุ่งมั่นอยู่แล้ว

เมื่อถามถึงเสียงวิจารณ์ ทั้งฝ่ายที่ควรยกเลิกกฎอัยการศึก ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารก็มี ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งที่เห็นด้วยกับการรัฐประหารแต่บอกว่า คณะปฏิรูปฯ ทำงานอืด ไม่สะใจ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ก็ต้องยอมรับ หากเป็นมืออาชีพเราก็คงจะไม่ชักช้า อันที่สองคือ รูปแบบของการทำก็ดำเนินการไปตามกฎหมายเพื่อที่จะทำให้สังคมมองว่า ไม่ได้ไปทำลายสิทธิเสรีภาพของประชาชน เรื่องของสิทธิมนุษยชนต่างๆ ซึ่งการจะเดินไปตามแบบของกฎหมายก็มีเวลาของมัน ในทุกเรื่องที่ตนได้พูดในเรื่องของการปฏิรูป เราเดินไปหมดทุกเรื่อง แต่ว่าบางเรื่อง เช่น การสมานฉันท์ ออกมาเป็นรูปธรรมยาก ต้องเป็นนามธรรมก่อน

"เรื่องนี้ผมก็อยากให้เร็วอยู่เหมือนกัน ไม่ได้ดั่งใจตัวเอง ผมเองก็ไม่ถูกใจว่าทำไมมันถึงช้าหนัก ต้องยอมรับ ดังนั้น เวลาใครบ่นก็ต้องยอมรับ เพราะเราเป็นผู้ทำ คนมองย่อมเหมือนกับนักฟุตบอล เตะไม่เข้าเสียที ดูแล้วไม่ได้ดั่งใจ เดี๋ยวลงเล่นเองเสียเลย"

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก