ปวงชนไทยฯแถลงประมาณมือยิงเสธ.แดง

 

คมชัดลึก :"ปวงชนไทยผู้ห่วงใยบ้านเมือง"ออกแถลงการณ์ประมาณมือมืดยิงเสธแดง วอน"นปช."ยุติชุมนุมทันที แนะให้ห่วงใยความปลอดภัยผู้ชุมนุมของตนเอง พร้อมแนะรัฐบาลต้องยึดหลักสากลในการควบคุมม็อบ


สืบเนื่องจากการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2553เป็นต้นมา

และตามมาด้วยเหตุการณ์รุนแรงหลายเหตุการณ์จนทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก รวมทั้งยังกระเทือนถึงความรู้สึกของประชาชนในสังคมอย่างมาก และเมื่อรัฐบาลได้เสนอแผนการปรองดองแห่งชาติ แต่ไม่ได้รับการตอบรับในทางปฏิบัติจากทางนปช. จึงนำมาสู่การกำหนดมาตรการที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)จะทำการขอพื้นที่คืน และล่าสุดได้มีเหตุการณ์ที่พลตรีขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ที่มีส่วนร่วมในการจัดการมาตรการรักษาความปลอดภัยของนปช. ถูกลอบยิงบาดเจ็บสาหัส และตามมาด้วยเหตุปะทะระหว่างผู้ชุมนุมนปช. กับทหารบริเวณแยกศาลาแดง จนมีผู้เสียชีวิต 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งมีรายงานว่ามีกองกำลังติดอาวุธไม่ทราบฝ่ายได้ยิงปืนใส่แนวของทหารที่รักษาการบริเวณนั้น และเชื่อได้ว่าจะมีเหตุการณ์ความวุ่นวายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง


ในการนี้พวกเราในนามของปวงชนชาวไทยผู้ห่วงใยบ้านเมือง ในฐานะพลเมืองผู้ห่วงใยสถานการณ์บ้านเมือง รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้นทั้งหมด พร้อมกันนี้เรายังมีข้อเรียกร้องไปยังกลุ่ม นปช. ดังต่อไปนี้


 1. แกนนำ นปช. จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตของผู้ชุมนุมเป็นที่ตั้ง รวมถึงตระหนักในการเคารพประโยชน์ ความสงบสุขของสังคมส่วนรวม ดังนั้นหากแม้ต้องยอมเสียสละผลประโยชน์ส่วนตนบ้าง เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และความปลอดภัยของผู้ชุมนุม ก็พึงควรกระทำโดยสำนึกรับผิดชอบของการเป็นแกนนำการชุมนุม


 2. ในวันนี้การชุมนุมได้ดำเนินมาในจุดที่เกินกว่าขอบเขตของการใช้สิทธิทางการเมืองที่จะเป็นที่ยอมรับในระดับสากลได้แล้ว จึงขอให้แกนนำนปช. ตัดสินใจยุติการชุมนุมทันที และเข้ามอบตัวสู้คดีความผิดที่ถูกตั้งข้อหาทั้งหมด และหยุดการปลุกปั่น ใช้ความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนมาเป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง


 3. พวกเราขอให้ประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุม หรือผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจในการนำมวลชนได้โปรดให้ความร่วมมือกับมาตรการของศอฉ.ด้วยการเดินทางกลับภูมิลำเนาทันที ขอให้ตระหนักว่าขณะนี้การชุมนุมดังกล่าวถือเป็นการผิดกฎหมาย และการนำมวลชนของแกนนำได้ผิดไปจากทิศทางของการใช้สิทธิทางการเมืองอันเป็นทียอมรับตามหลักการสากลมามากแล้ว 


และเรายังมีข้อเรียกร้องถึงรัฐบาลและศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ว่า 


 1. พวกเราไม่พึงปรารถนาเห็นการใช้ความรุนแรงยุติปัญหาการชุมนุม แต่กระนั้นพวกเราก็เข้าใจดีถึงความจำเป็นตามสถานการณ์ และการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชนทั่วไปในสังคม ก็คือสิ่งที่รัฐบาล และศอฉ.พึงต้องกระทำเช่นเดียวกัน เพราะ สิทธิพลเมืองคือสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่ประชาชนทั่วไปพึงได้รับการดูแลจากรัฐ 

 2. เราขอให้การดำเนินการควบคุมฝูงชนนั้นปฏิบัติตามหลักสากลอย่างถึงที่สุด ปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมด้วยขั้นตอนจากเบาไปหาหนักโดยยึดมั่นในหลักกฎหมาย กติกาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนต่างๆอย่างถึงที่สุด


 3. มาตรการการตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เป็นสิ่งที่พึงต้องระมัดระวังในการตัดสินใจกำหนดระดับการใช้ ซึ่งจำเป็นต้องประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดรอบคอบเป็นระยะๆ เพราะในทางหนึ่งแม้จะเป็นการหวังผลกดดันทางจิตวิทยาได้ แต่ในอีกทางหากผู้ชุมนุมที่ต้องการกลับบ้านไม่สามารถสื่อสารกับภายนอกได้ รวมทั้งไม่สามารถสื่อสารกับครอบครัว ผู้ที่ห่วงใยได้ ก็อาจนำไปสู่ชนวนเหตุแห่งความวุ่นวายได้เช่นเดียวกัน และอาจทำให้การตัดสินใจของมวลชนถูกผูกติดอยู่กับแกนนำมากเกินไป


 4. ในการปฏิบัติการควบคุมฝูงชนควรให้มีสื่อมวลชนทุกสำนักร่วมกันเผยแพร่สัญญาณภาพสดทางโทรทัศน์ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้เป็นสักขีพยานติดตามข้อเท็จจริงร่วมกัน
 
 5. การใช้กำลังทหาร ตำรวจเข้าล้อมฝูงชนนั้น ควรเปิดช่องทางให้ผู้ชุมนุมสามารถเดินทางออกจากพื้นที่ได้ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ชุมนุมที่ต้องการเดินทางกลับภูมิลำเนา


 ทั้งนี้พวกเราขอยืนยันว่า พวกเราไม่พึงปรารถนาเห็นความรุนแรงเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย พวกเราเห็นว่าต้องใช้กระบวนการยุติธรรมในการยุติปัญหา และการเปิดโต๊ะเจรจาโดยเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งยังคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการแก้ไขวิกฤต


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์