เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 11 พ.ค. ที่รัฐสภา นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมร่วมรัฐสภา
ถึงแนวทางการสร้างความปรองดองในประเทศว่า คิดว่าเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็อยากให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน ตอนนี้ไม่มีอะไรดีกว่าเอาประเทศชาติบ้านเมืองไว้ ส่วนตัวเห็นว่านายกรัฐมนตรีต้องยกเลิกพ.ร.ก.บริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ส่งทหาร ตำรวจกลับเข้ากรมกอง และหันหน้ามาพูดคุยกัน ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ว่าเป็นสีไหนก็ให้หยุด เพื่อให้ประเทศชาติตั้งหลักหายใจสักหน่อย ที่สำคัญไม่ต้องการให้เกิดการกล่าวหา ป้ายสี โดยเอาประเทศชาติเป็นเครื่องมือ ถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปปัญหาก็ไม่จบ
ผู้สื่อข่าวถามว่าประเมินจากท่าทีของทั้งสองฝ่ายสถานการณ์น่าจะจบลงโดยเร็วได้หรือไม่
นายเสนาะ กล่าวว่าเรื่องความปรองดองตนเคยเสนอแนวทางในสภาไปแล้วว่าสภาต้องเป็นฝ่ายมาพูดคุยกัน หากแค่นี้พวกเรายังปรองดองกันไม่ได้ อย่าไปหวังเลยว่าจะให้ประชาชนสามัคคีกลมเกลียวกัน ในความเห็นของตนอยากให้เอาบ้านเมืองไว้โดยสองพรรคการเมืองใหญ่จับมือกันตั้งรัฐบาล ส่วนการยุบสภา พูดตรงๆ ว่าการยุบสภาไม่ใช่ทางออกขณะนี้ หากยุบสภาโดยไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่มีความปรอดองสมานฉันท์ รัฐธรรมนูญก็ไม่ได้แก้ ขณะที่ความแตกแยกเกิดขึ้นในทุกภาคก็หาเสียงลุ่มๆดอนๆ แล้ววันเลือกตั้งจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อถามว่านายกฯ ต้องแสดงความจริงใจด้วยการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายเสนาะ กล่าวว่า “ใช่นายกฯ ต้องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินและหันหน้าเข้ามาหากัน ปากน่ะหุบ ซะบ้าง ไม่ใช่ว่าไปป้ายสี ผมขอร้องถึงจะเป็นรุ่นลูกรุ่นหลาน ผมกราบเถอะที่ผ่านมาเสนอในสภาไปแล้วก็ไม่ฟัง วันนี้ผมก็ขอพูดผ่านสื่อให้ช่วยลงข่าวขอให้เอาตรงนี้ไปช่วยกัน
“ที่จริงแล้วตำแหน่งนายกฯ ท่านต้องไปตั้งนานแล้ว ถ้าจะแลกกับความถูกต้อง ผมขอร้องให้ท่านลาออก เพื่อสะสางปัญหา ถามว่าอยู่แล้วบริหารได้หรือไม่ เมื่อรู้อยู่ว่าบริหารไม่ได้ไปพบประชาชนก็ไม่ได้ แล้วจะอยู่ไปทำไม ส่วนทหาร ตำรวจ ออกมาถือปืนเต็มบ้านเมือง ถามว่าทำให้ใคร ไม่ใช่ทำให้ประเทศชาติบ้านเมือง นี่ประเทศไทยของลูกหลานถึงวันหนึ่งแล้วจะน้ำตาไหลเสียใจกัน ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลผมว่าไม่ต้องไปพูดถึงในทางสันติ รออย่างเดียวเท่านั้น ผลประโยชน์” นายเสนาะ กล่าว