หลังจากโรดแม็พ 5 ประการของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สร้างความปั่นป่วนและหวาดระแวงให้แก่กลุ่มแกนนำคนเสื้อแดง โดยเฉพาะ 4 แกนนำหลักบนเวที อย่าง วีระ มุสิกพงศ์ เหวง โตจิราการ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และจตุพร พรหมพันธุ์
ประเด็นที่ตั้งไว้การประชุมแต่ละครั้งว่า จะเดินหน้า-ถอยหลัง หรือทอดยาวซื้อเวลาไปเรื่อยๆ
แต่คนที่ประกาศชัดกลับเป็น “เสธ.แดง” พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ผู้ซึ่งเข้ามามีบทบาทสำคัญกับการเคลื่อนไหวของมวลชนคนเสื้อแดงที่ปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณสี่แยกราชประสงค์
เสธ.แดง ไม่เห็นด้วยกับแผนปรองดองของรัฐบาล!
นั่นก็คือ ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของแกนนำนปช.ที่แสดงท่าทีชัดเจนว่า ...พร้อมลง
สิ่งที่ทำให้ เสธ.แดง ซึ่งไม่ใช่แกนนำคนเสื้อแดงกล้าทะลุกลางปล้องเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะอะไร 1.ผู้ชุมนุมเชื่อถือ และ 2.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ความเชื่อถือ
"แก้วสามประการ" ที่เสธ.แดง ภูมิใจนำเสนอต่อทักษิณในก่อนหน้านี้ได้รับการพิสูจน์แล้วเมื่อวันที่ 10 เมษายน ว่า เมื่อมีพรรค มีมวลชน และมีกองกำลังนั้นสามารถต่อสู้กับรัฐบาลได้จริง
ไม่แปลกที่ “นายใหญ่” จะ เชื่อไปซะทุกเรื่องไม่ว่า “เสธ.แดง” จะเสนอเงื่อนไขอะไร หรือแม้แต่แผนการตั้งป้อมค่ายกลางเมือง
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อ “เสธ.แดง” ออกมาอวดโอ่ว่า “พี่ทักษิณ” โทรศัพท์มาสั่งให้แต่งตั้งแกนนำคนเสื้อแดงชุด 2 ที่นำโดย นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นายขวัญชัย ไพรพนา พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์
ซึ่งล้วนเป็นกลุ่ม “ฮาร์ดคอร์” ทั้งสิ้น อีกทั้งยังมีหมายจับติดตัวกันทั่วทุกคน
“เสธ.แดง” พยายามเดินเกมทุกรูปแบบเพื่อให้มวลชนคนเสื้อแดง “ยอมรับ” ในตัวเขาเหมือนอย่างที่ยอมรับในบทบาทของสามเกลอ
ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง เพราะในยามที่เสียงระเบิดยังไม่ขาดหาย กระสุนปืนที่ไม่รู้ว่ามาจากทิศไหน และไม่รู้ว่าเป้าหมายเป็นใคร การมีกองกำลัง หรืออย่างน้อยมีคนที่พยายามให้ความมั่นใจแม้จะเป็นนายทหารที่ถูกพักราชการมันก็อุ่นใจกว่าการนั่งฟังคำปลอบใจจากบนเวทีที่เริ่มแผ่นเสียงตกร่อง
การข่าวของเสธ.แดง เป็นอย่างไรยากจะพิสูจน์ แต่การกล้าที่จะประกาศตั้งแกนนำ นปช.รุ่นที่ 2 นั้นให้เข้าใจเป็นอย่างอื่นไม่ได้
มันคือการยึดอำนาจแกนนำ นปช.
คนเสื้อแดงนับวันยิ่งจะตอบรับ เสธ.แดง แต่กับแวดวงกองทัพทุกคนต่าง “เมินหน้าหนี” กับพฤติกรรมของ “เสธ.แดง” ที่นับวันจะก้าวร้าวเข้าไปทุกขณะ
หลายคนตั้งคำถามขึ้นมาในใจว่า “เหตุใด” กองทัพยังนิ่งเฉยทนพฤติกรรม “บ้าระห่ำ” ของ “เสธ.แดง” ได้เพียงนี้ ทั้งๆ ที่อำนาจอยู่ในมือกลับไม่ทำอะไรเลย
โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ทั้งๆ ที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. “ชง” เรื่องมาให้ตั้งนานแล้ว
เสนอให้ “พักราชการ” และตามมาด้วย “ปลด” ออกจากราชการ เนื่องจากมีพฤติกรรมทำให้กองทัพเสื่อมเสีย
ก่อนหน้านี้ไม่ต้องการที่จะดำเนินการใดๆ นอกเสียจากให้ “เสธ.แดง” ไปต่อสู้คดีกับทางศาลเอาเอง แต่เรื่องก็ดัน “เงียบหาย” เข้ากลีบเมฆ
ที่ผ่านมาดูเหมือนว่า พล.อ.อนุพงษ์ จะพยายามหลีกเลี่ยง ทำเป็นไม่สนใจกับพฤติกรรมของ “เสธ.แดง”
แต่ผิดคาด ยิ่งเฉย ยิ่งไม่สนใจ อีกฝ่ายก็เหมือนยิ่งได้ใจ เปิดหน้าเดินเกมทุกอย่างโค่นล้ม “รัฐบาล-กองทัพ” ไปในคราวเดียวกัน
กระทั่ง อภิสิทธิ์ เองถึงกับทนไม่ไหว ต้องระบุออกมาตรงว่า เสธ.แดง และทักษิณ คืออุปสรรคในการสร้างความปรองดองในชาติ
ก็เพื่อ “กำจัด” มือไม้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยสั่งการให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เร่งรัดจับกุม “เสธ.แดง” เป็นการด่วน
หาก “เสธ.แดง” ยังมีอิสระในการเคลื่อนไหว แผนปรองดองแห่งชาติ หรือโรดแม็พ อาจจะไปไม่ถึงจุดหมาย
อย่างไรก็ดี อีกมุมมองหนึ่งนั้น การเคลื่อนไหวของเสธ.แดง อาจมีเป้าหมาย 2 ประการ
1.เพื่อต่อรองกับรัฐบาลให้ประกันตัวแกนนำสายฮาร์ดคอร์ ซึ่งใกล้ชิดกับเสธ.แดง เพราะการเจรจาล่าสุดกับรัฐบาลนั้น ยืนยันว่า เสธ.แดง อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง สุภรณ์ อัตถาวงศ์ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรรัตน์ พายัพ ปั้นเกตุ จะไม่ได้รับการประกันตัว
2.สร้างความกลัวเพื่อดึงมวลชนเป็นเกราะกำบังให้นานที่สุด เพราะตัวเสธ.แดง เองก็ถูกออกหมายจับ
แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุผลใด การชุมนุมของคนเสื้อแดงนั้นเรียกได้ว่า งวดเข้ามาทุกขณะ
จำนวนคนที่ลดลง และสภาพจิตใจที่ถูกกดดันจากรอบทิศทำให้อ่อนล้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ต่างจากกองกำลังฝ่ายรัฐที่สั่งกดดันทั้ง 6 ด่าน เข้า-ออก สี่แยกราชประสงค์ อ้างว่า เพื่อสกัดอาวุธที่อาจมีการลักลอบขนออกมา
มีการเสริมกำลังจากจากกรมทหารราบที่ 23 (ร.23) จ.นครราชสีมา จำนวน 12 กองร้อย รวมพันกว่านาย
กำลังทหารจากกองพลทหารม้าที่ 1 จ.เพชรบูรณ์ กองพันทหารม้าที่ 7 (ม.พัน 7) ม.พัน10 และ ม.พัน 12
กำลังจากกองทัพภาคที่ 1 คือ กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ร.11 รอ. กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) จาก จ.ปราจีนบุรี และกองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) จ.กาญจนบุรี รวมกำลังทหารทั้งหมดก็เกือบ 6 พันนาย
ถึงแม้คนเสื้อแดงจะเข้ามาสมทบ โดยเฉพาะจาก จ.ขอนแก่น ที่มาตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา แต่ระดับแกนนำต่างก็รู้ดีว่าเวลากำลังหมดลง