ระบุพร้อมต่อสู้ทุกคดีโดยไม่ร้องขอความเมตตา แต่ผู้สั่งฆ่าประชาชนอย่าง “อภิสิทธิ์-สุเทพ” ต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน
(8 พ.ค.) ที่เวทีราชประสงค์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวว่า
พวกเราไม่ได้บีบคั้นจะเอาวันยุบสภาอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่การเจรจาให้ยุติการชุมนุมนั้น ตราบใดที่รัฐบาลยังทำตัวชนะ ประชาชนเป็นผู้แพ้ แกนนำ และผู้ชุมนุมอยู่ในฐานะเชลยศึก ความรู้สึกแบบนี้จะหาทางปรองดองไม่ได้เลย ซึ่งระหว่างการต่อสู้ให้มีการยุบสภา มีประชาชนเสียชีวิต 21 คน บาดเจ็บร่วมพันคน ถ้าพวกตนได้วันเลือกตั้ง และได้วันยุบสภาคร่าว ๆ แล้วเดินออกจากราชประสงค์ โดยละทิ้งความรับผิดชอบต่อวีรชนที่บาดเจ็บล้มตาย เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ เรื่องคดีสั่งฆ่าประชาชนไม่มีการดำเนินคดีใด ๆ ไม่มีกระบวนการยุติธรรมใดทั้งตำรวจ ศาล จะดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ข้อหาสั่งฆ่าประชาชน ทั้งฆ่าโดยเจตนา และพยายามฆ่า ทุกคนไปหลงกับโรดแม็พ และวันเลือกตั้ง จนลืมไปว่าคนที่ทำให้เกิดวันเลือกตั้ง คือ พี่น้องเราที่ตาย และบาดเจ็บ
นายจตุพร กล่าวต่อว่า
วันนี้รัฐบาลพูดเรื่องความปรองดอง เรื่องห้าข้อ เรื่องวันเลือกตั้ง เพื่อให้คนไทยลืมว่าความตายของประชาชน 21 ชีวิต บาดเจ็บนับพันชีวิต ดังนั้น ไม่ว่านายอภิสิทธิ์ จะคิดอย่างไร จะให้ตัวแทนอธิบายอย่างไร เมื่อคนตาย คนบาดเจ็บมีการแจ้งความร้องทุกข์นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ นายอภิสิทธิ์ยังมีตำแหน่ง ส.ส. อาจมีขั้นตอนคุ้มครองของรัฐสภา แต่นายสุเทพ มีเพียงตำแหน่งรัฐมนตรี รัฐธรรมนูญไม่ได้คุ้มครอง ดังนั้น เมื่อออกหมายจับพวกตนได้ นายสุเทพ ก็ควรได้รับหมายจับคดีฆ่าประชาชนเช่นกัน ตนถามว่าเราจะจบด้วยบ้านเมืองสงบ แต่ไม่ดำเนินคดีกับคนฆ่า 21 ชีวิตอย่างนั้นหรือ เศรษฐกิจของประเทศนี้จะฟื้นใช่หรือไม่ ถ้าไม่ต้องดำเนินคดีกับคนฆ่าประชาชน ความปรองดองจะเกิดขึ้นใช่หรือไม่ ถ้าไม่ดำเนินคดีกับคนฆ่าประชาชน และไปดำเนินคดีกับคนเรียกร้องยุบสภาว่า เขาก่อการร้าย และล้มสถาบัน สังคมไทยอยากให้เอาเปรียบเรื่องความยุติธรรม เพื่อแลกกับความปรองดองหรือไม่ ถ้ารัฐบาลไม่ดำเนินคดีกับบุคคลที่สั่งฆ่าประชาชน พวกตนไม่มีเหตุผลที่จะยุติการชุมนุม นายอภิสิทธิ์ กับพวกผมไม่มีใครเป็นฝ่ายชนะ ต่างฝ่ายต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตนไม่อาจมีชีวิตใต้ความอยุติธรรมได้
“พวกผมพร้อมไปต่อสู้ทุกคดีโดยไม่ร้องขอความเมตตา แต่ผู้สั่งฆ่าประชาชนอย่างนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ ต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันทางกฎหมาย” นายจตุพร กล่าว