คมชัดลึก : ในขณะที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กำลังพยายามหาทางออกให้แก่บ้านเมือง และแกนนำเสื้อแดงก็พยายามหาทางออกให้แก่ตัวเองอยู่นั้น คดีความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นระลอกแล้วระลอกเล่า จนเราหลงลืมเรื่องเก่าเพื่อจดจำเรื่องใหม่และพากันลืมเลือนในวันต่อไป ยังมีเจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งกำลังสาละวนอยู่กับการค้นหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวิถีกระสุนปืนจากเหตุการณ์ต่างๆ อย่างขะมักเขม้น !?! หน่วยงานที่ว่าคือกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่คัดเอาแต่ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืนและการตรวจหาวิถีกระสุน
ได้ไปรวมตัวกันทดสอบวิถีกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 และปืนเอ็ม 16 เทียบเคียงกับเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงที่ค่ายพระราม 6 จ.เพชรบุรี ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ พฐ.ชุดนี้ได้ใช้ปืนของทางราชการมาทดสอบยิง โดยจำลองเหตุการณ์จากสถานการณ์จริง ระยะยิง วิถีกระสุน จุดกระทบของระเบิดและกระสุน ผู้บาดเจ็บ รวมทั้งผู้เสียชีวิต
ระยะและวิถีทั้งหมดเป็นของจริงแล้วนำมาทดสอบ เพื่อหาจุดที่คนร้ายลงมือ โดยดำเนินการติดต่อกันเป็นเวลานาน 3 วันเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่การทดสอบครั้งนี้เป็นเพียงการหาวิถีกระสุนของคนร้ายที่ถูกต้องแม่นยำที่สุดเท่าที่เคยตรวจสอบมา
ทว่าไม่สามารถให้คำตอบได้ว่า ใครเป็นคนลงมือยิง แม้ว่าวิถีกระสุนจะมาจากฝั่งไหนระหว่างเกิดการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า ฝ่ายนั้นเป็นคนลงมือยิง !?!
หนึ่งในเจ้าหน้าที่ชุดทดสอบ บอกต่อ "คม ชัด ลึก" ว่าการทดสอบครั้งนี้จะเก็บไว้ในโครงการวิจัยควบคู่ไปกับการทดสอบจริง โดยเปรียบเทียบกับสถานที่เกิดเหตุจริง โดยผลที่ได้จากการทดสอบบางส่วนจะนำเข้าไปไว้ในสำนวนการสอบสวนเกี่ยวกับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืนและวิถีกระสุนด้วย
ทั้งนี้ เขาได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์มิคสัญญีวันที่ 10 เมษายน ที่เกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับผู้ชุมนุมบริเวณแยกคอกวัว จากการทดสอบวิถีกระสุนจากเหตุการณ์จำลองเปรียบเทียบกับสถานที่จริงพบว่า กระสุนเอ็ม 79 ถูกยิงมาจากฝั่งถนนราชดำเนินกลางทั้งขาเข้าและขาออก
สรุปง่ายๆ คือ มีการยิงมาจากทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายเสื้อแดง แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนยิง เป็นทหารยิง ผู้ชุมนุม หรือกลุ่มคนไม่หวังดีที่ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ ?
พฐ.จำลองยิงเอ็ม79ปริศนา...ลอบสังหาร
เช่นเดียวกับวิถีกระสุนปืนเอ็ม 16 ที่ปลิดชีพนักข่าวรอยเตอร์ชาวอาทิตย์อุทัย เจ้าหน้าที่บอกว่าทดสอบแล้วทำให้รู้ว่า การเสียชีวิตของนักข่าวรายนี้ถูกกระสุนปืนมาจากฝ่ายใด แต่ในชั้นนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้
ส่วนการเผชิญหน้าที่แยกศาลาแดง ระหว่างกลุ่มชาวสีลมกับคนเสื้อแดง เมื่อหัวค่ำวันที่ 22 เมษายน ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องออกมาอธิบายว่า กระสุนเอ็ม 79 ถูกยิงมาจากชั้น 7 รพ.จุฬาลงกรณ์นั้น
ชุดทดสอบจาก พฐ.ให้ความเห็นแย้งว่า ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นได้ !?! "จากการเก็บรวบรวมหลักฐานต่างๆ ในที่เกิดเหตุบริเวณแยกศาลาแดง แล้วนำไปทำแผนผังจำลองเหตุการณ์ที่ค่ายพระราม 6 แล้วทดสอบยิงสามารถบอกได้ว่า ผู้ไม่หวังดีใช้เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ยิงมาจากบนสะพานไทย-เบลเยียม โดยนั่งมากับยานพาหนะชนิดหนึ่งชนิดใดมาแล้วก็ยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุมชาวสีลม ไล่ลำดับไปตั้งแต่ลูกที่ 1 2 3 4 และ 5"
เขาบอกว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจวิถีและวัดระยะแล้ว ทั้งการทดสอบยิงไม่ว่าจะเป็นวิถีตรงและวิถีโค้ง ผลสรุปออกมาได้เช่นนั้น ส่วนที่มีผู้เชี่ยวชาญออกมาบอกว่า ผู้บาดเจ็บอาจจะโดนกระสุนลูกปรายนั้น เขาอธิบายว่า กระสุนเอ็ม 79 มีหลายชนิด ทั้งแบบธรรมดาและเจาะเกราะ โดยผู้ไม่หวังดีนำกระสุนเจาะเกราะมาใช้ที่แยกศาลาแดง เมื่อตกกระทบแล้วเกิดระเบิดเศษจะกระจายไปด้านข้าง บางส่วนจะพุ่งไปข้างหน้า ทำให้ผู้ได้รับบาดเจ็บเหมือนโดนยิงด้วยลูกปราย
"ส่วนบางกระแสที่ว่ายิงมาจากสวนลุมนั้น ไม่น่าจะเป็นไปได้ใหญ่ เพราะนอกจากวิถีกระสุนจะไม่ได้แล้ว ตั้งข้อสังเกตง่ายๆ ถ้ายิงมาจริง คิดเหรอว่าจะไม่มีใครเห็นเลย ตำรวจในม็อบเสื้อแดงก็มีอยู่เยอะ จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ ทิศทางอยู่บนสะพานไทย-เบลเยียมแน่นอน" เจ้าหน้าที่ให้เหตุผล
ด้านเหตุปะทะบริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ย่านดอนเมือง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 28 เมษายน ก็ถูกนำมาทดสอบและวิเคราะห์อย่างละเอียดเช่นกัน โดยเฉพาะในประเด็นการตายของพลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาละ จากกองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) จ.กาญจนบุรี มีการตรวจสอบและถกเถียงกันในวงกว้าง แต่ผลการตรวจสอบยังไม่เป็นที่เปิดเผย
เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืนและวิถีกระสุนย้ำอีกครั้งว่า เป็นการทดสอบหาวิถีกระสุนและจุดยิงเท่านั้น ไม่ได้กล่าวหาหรือค้นหาว่าใครฝ่ายไหนเป็นคนทำ ซึ่งนั่นต้องขึ้นอยู่กับการสืบสวนสอบสวนของตำรวจและดีเอสไอ !?!