วันที่ 5 พ.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าปชป.แถลงว่า
ภายหลังนายกรัฐมนตรีเสนอโรดแมปปรองดอง 5 ข้อพร้อมกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ 14 พ.ย.ปรากฏว่าได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชน เห็นได้จากผลการสำรวจของเอแบคโพลล์ ที่ระบุว่าประชาชนร้อยละ 60 เห็นด้วยกับข้อเสนอทั้ง 5 ข้อ ร้อยละ 55.6 เห็นด้วยกับการกำหนดวันเลือกตั้ง 14 พ.ย.อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็เคารพความเห็นของประชาชนร้อยละ 28.3 ยังอยากให้ทำงานต่อไปจนครบวาระ ทั้งนี้อยากให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมต่อกระบวนการสร้างความปรองดองครั้งนี้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชุมนุม ที่อยากให้ยุติการชุมนุมทันที เพื่อถวายเป็นราชสักการะเนื่องในวันฉัตรมงคล วันมหามงคลของคนไทย
นายเทพไท กล่าวว่า
ส่วนกรณีที่แกนนำคนเสื้อแดงจี้ให้นายกรัฐมนตรีประกาศวันยุบสภาแทนที่จะเป็นวันเลือกตั้งใหม่นั้น ความจริงแล้ว การกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ 14 พ.ย.ก็น่าจะพออนุมานได้ว่าจะมีการยุบสภาระหว่างวันที่ 15-30 ก.ย. เรื่องนี้ไม่มีนัยยะทางการเมือง หรือทำให้ใครได้เปรียบเสียเปรียบ จึงอยากให้แกนนำคนเสื้อแดงอย่านำช่วงเวลาในการยุบสภามาเป็นเงื่อนไขในการเข้าสู่กระบวนการสร้างความปรองดอง เปรียบเสมือนการซื้อรถยนต์หนึ่งคัน ก็ไม่ควรไปเกี่ยงเรื่องของยางอะไหล่หรือยางปูพื้น เพราะไม่ใช่สิ่งที่มีความสำคัญ ทั้งนี้ยอมรับว่าสาเหตุที่ยังกำหนดวันยุบสภาไม่ได้ เพราะรายละเอียดในโรคแมปยังต้องมีการหารือกันต่อไป
“นอกจกนี้ ผมยังอยากเรียกร้องให้พท.ซึ่งสนับสนุนการเคลื่อนไหวและการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างเปิดเผยมาตลอด เมื่อคนเสื้อแดงยอมเข้าสู่กระบวนการปรองดองแล้ว พท.ก็ควรเข้าสู่กระบวนการปรองดองเช่นเดียวกัน ไม่ควรหยิบข้อเรียกร้องดังกล่าว ไปเป็นประเด็นทางการเมือง ระหว่างปชป.กับพท. แต่ควรกลับไปเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่สนามเลือกตั้งจะดีกว่า” นายเทพไท กล่าว
โฆษกประจำตัวหัวหน้าปชป.ยังกล่าวถึงกรณีคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มี นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี เป็นประธานได้นัดประชุมพร้อมหยิบโรดแมปปรองดองเข้าหารือ เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวาณิช ส.ว.สรรหา หนึ่งในคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ จะออกมาแสดงความเห็นว่าโรดแมปดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากของรัฐบาล ตนอยากชี้แจงว่ารัฐบาลก็เข้าใจมาตลอดว่าความขัดแย้งเป็นเรื่องที่ซึมลึกอยู่ในสังคม และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแก้ปัญหา จึงต้องขอความสนับสนุนจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะส.ว.เพื่อทีจะนำพาประเทศให้กลับเข้าสู่ความสุขให้ได้