เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 27 เมษายน ได้เกิดเหตุกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวน 500 คน จากกลุ่ม นปช.แดงเชียงใหม่ และกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 บุกเข้าไปภายในชานชาลาสถานีรถไฟ จ.เชียงใหม่
หลังพบการเคลื่อนไหวของกำลังทหารกว่า 40 นาย สัมภาระและยานพาหนะขนาดใหญ่ในพื้นที่ โดยแกนนำคนเสื้อแดงได้เข้าไปสอบถามนายทหารว่า จะมีการเคลื่อนย้ายกำลังพลและยานพาหนะดังกล่าวไปที่ใด เมื่อทราบว่าเป็นการขนย้ายสัมภาระและยานพาหนะกลับมาจากการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลุ่มคนเสื้อแดงจึงขอเดินทางไปส่งจนถึงประตูทางเข้าด้านตลาดสันป่าข่อย ค่ายกาวิละ มณฑลทหารบกที่ 33 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ก่อนที่จะสลายตัวกลับไปโดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด
พล.ต.ชานุกร ตัณฑโกศล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 เปิดเผยว่า เป็นกำลังพลกว่า 40 นาย จากกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 7 ในพระองค์ (ร.7 พ.1) ที่คุมยานพาหนะซึ่งประกอบด้วยยานยนต์ขนาดใหญ่คือ รถจีเอ็มซีน้ำหนัก 2 ตันครึ่ง จำนวน 7 คัน ยานยนต์ขนาดกลางคือ รถฮัมวี่ จำนวน 6 คัน เดินทางกลับจากการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้การลำเลียงทางรถไฟเพราะเป็นยานยนต์หนักขนาดใหญ่ ในขณะที่กำลังพลจำนวน 826 นาย นั้นได้เดินทางกลับมาก่อนหน้านี้แล้วเมื่อ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา
"กลุ่มมวลชนเขามาสอบถามเมื่อทราบเหตุผลก็เข้าใจแต่ได้ขอตามไปส่งที่ค่ายซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 500 เมตร เพราะเขาเกรงว่าทหารจะลับลวงพราง แต่เมื่อไม่มีอะไรตามที่เขาสงสัยเขาก็สลายตัวกลับไป"
พล.ต.ชานุกร กล่าวอีกว่า ผู้บังคับบัญชาได้ให้นโยบายสร้างความเข้าใจตามขั้นตอนและความเป็นจริงหากในอนาคตจะต้องมีการพบปะกระทบกระทั่งกัน ซึ่งกลุ่ม นปช.แดง เข้าใจง่าย ส่วนกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 เราก็พยายามชี้แจง เพราะผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ บอกมาตลอดว่าถึงอย่างไรทุกคนไม่ว่าจะกลุ่ม นปช.แดง กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 หรือกลุ่มคนหลากสีก็คือคนเชียงใหม่ด้วยกัน คงไม่ทำร้ายจังหวัดตัวเองหรือกระทำให้เกิดความรุนแรง
"ในแง่ของเหตุระเบิดรายวันและอาจเกิดกับค่ายทหารด้วยนั้น เราก็มีมาตรการป้องกันไว้พร้อม รวมทั้งควบคุมจัดสำคัญต่างๆ ไว้แล้ว" พล.ต.ชานุกร กล่าว