ตร.แจงเหตุ รวบ 11 เสื้อแดงพร้อมพาหนะ13 คัน กรณีตั้งด่านปิดถนนพหลโยธิน สั่งเจ้าหน้าที่ดูแล พื้นที่สยาม-หลังสวน
พ.ต.อ.วิสูตร ฉัตรชัยเดช รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี และ พล.ต.ต.บุญส่ง พานิชอัตรา รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล แถลงชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีที่มีกลุ่มคนเสื้อแดงมีการปิดกั้นถนนเพื่อตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะเดินทางเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในกรุงเทพฯ วันนี้(26เม.ย.) ช่วงกลางวันกลุ่มคนเสื้อแดงได้นำกำลังไปปิดกั้นถนนไล่ตั้งแต่ถนนพลโยธิน ตรงบริเวณหน้ามหาจุฬาลงกรณ์ อ.วังน้อย และมาร่วมตัวกันที่บริเวณทางเข้าเทศบาลท่าโขง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
พ.ต.อ.วิสูตร กล่าวว่า ในช่วงของการดำเนินการนั้นกลุ่มแกนนำได้นำรถยนต์ติดเครื่องขยายเสียงขึ้นปราศรัย ๆได้มีการปิดกั้นถนนพหลโยธินขาเข้า และช่องทางด่วนให้ประชาชนเดินทางไม่สะดวก เมื่อมีผู้แจ้งจึงได้ดำเนินการให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทราบ และได้รับคำสั่งประมาณ 17.00 น. ได้นำกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 และ 7 สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหารส่วนหนึ่ง ไปดำเนินการจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมในบริเวณดังกล่าว จากการดำเนินการประสบผลสำเร็จ ทำให้กลุ่มของผู้ชุมนุมหลบหนี ขณะนี้มีการดำเนินคดีทั้งสิ้น 11 ราย ชาย 9 คน หญิง 2 คน มียึดรถจำนวน 13 คัน ซึ่งอยู่ระหว่างสอบสวนดำเนินคดี
พล.ต.ต.บุญส่ง กล่าวว่า มีผู้ร้องเรียนจากผู้พักอาศัยในย่านถนนสารสิน และผู้ที่โดยสารรถไฟฟ้าที่สถานีสยาม ร้องเรียนว่าถูกการ์ดของ นปช.ตรวจค้น เมื่อเดินผ่านที่บริเวณสถานี ซึ่งทางผู้บัญชาการตำรวจนครได้สั่งให้ตำรวจไปประจำจุดละ 4 นาย ที่หลังสวน 4 นาย และที่สถานีรถไฟฟ้าสยาม 4 ราย ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นการประชาสัมพันธ์และไปดูแลเพื่อไม่ให้การ์ดนปช.ตรวจค้น ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการตรวจค้นไปกระทบสิทธิของประชาชนทั่วไป หากมีปัญหาให้แก้ไปที่สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน หรือลุมพินีได้ตลอดเวลา
กรณีการปิดถนนนั้นมีคำพิพากษาของศาลฎีการะบุไว้ชัดเจนมีความผิดการมั่วสุมเกิน 10 คนขึ้นไป มีความผิดทางกฎหมาย ประกอบกับพื้นที่จ.พระนครศีอยุธยา อ.วังน้อย อ. คลองหลวง จ.ปทุมธานี อยู่ในพื้นที่ของการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีการดำเนินการตามกฎหมายอยู่แล้ว
“เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามอย่างเต็มความสามารถไม่ว่าจะมีการปิดถนนที่ไหนก็จะพยายามปฏิบัติตามขั้นตอน ตามหลักสากลไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเจรจา เมื่อวานมีการใช้การเจรจาไปแล้ว และประสบผลสำเร็จ แต่วันนี้เจ้าหน้าที่เห็นว่าต้องมีการดำเนินการบ้าง ในส่วนของการเข้าไปดำเนินการให้มีสถานการณ์ดีขึ้น ให้ประชาชนเห็นว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ละเลยหรือปล่อยเกียร์ว่าง เจ้าหน้าที่ก็พยายามเข้าไปทำให้เกิดผลสำเร็จขึ้นมา”พ.ต.อ.วิสูตร กล่าว