ศอฉ.ขนทหาร-ตารวจ4กองร้อย เคลียร์แดงขอนแก่น จี้ผู้ชุมนุมออกราชประสงค์ ชี้ข่าวเด็ดหัวโจกแดงอาจหวังสร้างประเด็นขยายการชุมนุม ปัดไร้ประโยชน์ประกาศอัยการศึก ชี้ทหารไม่เอาภาระมาแบกไว้บนบ่า....
เมื่อวันที่ 22 เม.ย.เวลา 10.30 น.ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
แถลงผลการประชุม ศอฉ.เมื่อเวลา 09.00 น. ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงในฐานะ ผอ.ศอฉ. เป็นประธานการประชุมว่า ในที่ประชุมได้มีการพูดถึงการตั้งด่านสกัดการเดินทางของเจ้าหน้าที่ทหารที่จะไปปฏิบัติงานในพื้นที่ภาคใต้ โดยที่แรกคือ อ.บ้านผ่า จ.ขอนแก่น แต่ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายไปแล้วไม่มีอะไรรุนแรง ส่วน อ.พล จ.ขอนแก่น ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่มีเจ้าหน้าที่ทหารที่ออกไปปฏิบัติการของ ร.13 พัน 2 จำนวน 200 นาย ที่ไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ภาคใต้ และทหารจาก ร.8 พัน 2 จำนวน70 นาย ก็ไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีการขนรถ 2.5 ตัน ขึ้นไปกับขบวนรถไฟเพื่อเดินทางไปปฏิบัติงานในพื้นที่ภาคใต้ ทั้งนี้ถ้าหากปฏิบัติงานในพื้นที่ กทม. เราไม่เอารถ 2.5 ตัน นำขึ้นรถไฟให้ยากลำบาก
“ทั้งนี้การดำเนินการของกลุ่มคนเสื้อแดง เป็นการขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพราะกำลังทหารจำเป็นจะต้องไปดูแลประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ การกังขังหน่วงเหนี่ยวไม่เป็นผลดีเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ศอฉ.ได้ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด และมีผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 และ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 ไปสนับสนุนเจรจาอยู่ แต่ถ้าไม่เป็นผลก็จะต้องมีการแจ้งความดำเนินคดีกันไป ซึ่งจัดกำลังจำนวน 4 กองร้อย คือ ทหาร 3 กองร้อย ตำรวจ 1 กองร้อย ไว้คลี่คลายสถานการณ์ โดยกำลังทหารออกไปจะมีการติดอาวุธ ขณะเดียวกัน ศอฉ. พิจารณาเห็นว่ามีการสนทนากันระหว่างแกนนำของผู้ดำเนินการ กับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าสถานการณ์ใน กทม.กับ ขอนแก่น มีความโยงใยต่อกัน ทั้งนี้หากไม่มีเหตุอันควรและทำผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็จะมีโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท”พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
ศอฉ.ไฟเขียว 4กองร้อย ลุยแดงขอนแก่น
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ด้วยความไม่พอใจของคนสีลมต่อการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง
ที่ไม่ต้องการของชาว กทม. เขาได้รับความเดือดร้อน วันนี้ ศอฉ. ได้สั่งการให้ทหาร ตำรวจ ที่ตั้งด่านสกัดกั้นในพื้นที่สีลมให้ปฏิบัติภารกิจ 2 อย่าง คือการตั้งด่านให้แข็งแรง ไม่ยอมปล่อยให้กลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนไปที่อื่นๆ โดยเด็ดขาด และตำรวจก็มีภารกิจจะต้องทำหน้าที่ในการป้องกันไม่ให้มีการปะทะกัน หรือเผชิญหน้ากันในระยะใกล้กับประชาชนเดือดร้อนที่ย่านสีลม กับกลุ่มคนเสื้อแดง ศอฉ. ยืนยันว่า วันนี้จะไม่ปล่อยให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนที่ไปที่ไหนอีก ขณะเดียวกันทราบว่า จะมีชุดตรวจของกลุ่มคนเสื้อแดงมาตรวจจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ ถ้าออกมาเจ้าหน้าที่จะจับ การ์ด หรือ มวลชนที่จะมาดูลาดเลา เจ้าหน้าที่จะจับทันที และจับได้ จะโดนติดคุก 2 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ตัวใครตัวมัน แกนนำท่านก็ช่วยไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ศอฉ. จะพัฒนาวิธีการในหลากรูปแบบเพื่อสื่อไปถึงประชาชนในกลุ่มคนเสื้อแดง
ผู้สื่อข่าวถามว่า แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงประกาศจะฟ้องร้องยูเอ็น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ไปเยอะเจ้าหน้าที่เจอจะจับปรับทันที
ส่วนการที่กลุ่มคนเสื้อแดงเรียกร้องยูเอ็น เพื่อให้กองกำลังสันติภาพเข้ามาจัดการนั้น ตนไม่อยากมองเป็นการพัฒนาอะไร แต่ขณะนี้ท่านกำลังเหลือเวลาน้อย และเหลือโอกาสน้อยแล้ว ท่านเหลือเวลาก็ประโคมข่าวไปขอความช่วยเหลือ และไปฟ้องต่างชาติ ทั้งที่เป็นเรื่องของบ้านเรา เจ้าหน้าที่ไม่อยากให้รุแรง หากเด็ดขาดวันนี้จบไปนานแล้ว แต่การสูญเสียมันเยอะ ดังนั้นขอให้ประชาชนออกมาจากการชุมนุม พวกแกนนำ นปช. หรือ การ์ด เดี๋ยวทาง ศอฉ. จัดการเอง ส่วนกรณีที่แกนนำกล่าคนเสื้อแดงเตรียมทำบัตร นปช. เพื่อเข้าพื้นที่แทนบัตรประชาชนนั้น ก็ทำไปเพราะเป็นการทำเอกสารปลอม เดี๋ยวพวกเขาก็โดนอีกกระทงหนึ่ง นอกจากนี้ทาง ศอฉ. ได้จัดชุดเคลื่อนที่เร็วประมาณกว่า 6 กองร้อย โดยจะสามารถพัฒนาในการเรื่องการปฏิบัติในการยับยั้งในพื้นที่ต่าง ๆ จะไม่ปล่อยให้เขาดำเนินการโดยอิสระเพราะที่ผ่านมามันเกิดความเสียหายมากแล้ว
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าจะมีกลุ่มกองกำลังไม่ทราบฝ่ายจะเด็ดหัวแกนนำเสื้อแดงเพื่อสร้างสถานการณ์นั้น
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับทราบข่าวนี้แต่หลักการในการนำม็อบทั่วโลกมักจะมีการสร้างความ รุนแรงหยิบฉวยชีวิตคนใดคนหนึ่งนำมาขยายสร้างเป็นประเด็น ส่วนการจะประกาศกฎอัยการศึก วันนี้ ศอฉ.ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ เพราะการประกาศกฎอัยการศึกจะกลายเป็นว่า ทหารเอาภาระทั้งหมดมาแบกไว้บนบ่า ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไร ขณะนี้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เหมาะสมที่สุด และการเคลียร์พื้นที่เราใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็เพียงพอแล้ว ขณะนี้เพียงแต่เราค่อย ๆ พยายามบีบกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปทีละน้อย ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมนำรั้วมาล้อมลอบการชุมนุมนั้น จะเป็นอุปสรรคของกลุ่มคนเสื้อแดงมากกว่าในการออกนอกพื้นที่ กรณีที่เจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการ เช่นการใช้แก๊สน้ำตา ซึ่งอาจจะทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมหนีไปไหนไม่ได้.