แดงแฉท่านผู้หญิงจ.จ.จี้ป๊อกสลายม็อบ

คมชัดลึก :“ณัฐวุฒิ” เปิดชื่อ“ท่านผู้หญิง จ.จ.”โทรกดดัน“บิ๊กป๊อก”สลายม็อบเสื้อแดง ต่อมา“จตุพร เปิดชื่อเป็นใคร “ไฮไซกาญจนี” เดือด! หลัง “3 เกลอ”เปิดชื่อ จวกกลับไม่ใช่ลูกผู้ชาย รังแกคนไม่มีโอกาสพูด ยันแทนท่านผู้หญิงไม่เคยโทรสั่งทหาร

“เอาอย่างนี้ไหมผมไม่อยากเล่นโป๊กเกอร์ นายอภิสิทธิ์กับนายสุเทพ ก็ไม่มีแต้มสั่งทหารได้ แต่ใช้วิธีออกขู่ว่าจะปราบทุกวัน ผมขอท้าอภิสิทธิ สุเทพ อย่าส่งไก่อู (พ.อ.สรรเสริญ) ออกมาขันทุกเช้า ถ้าคุณพร้อมผมก็พร้อม ตานี้ประชาชนขอดู เกมาเท่าไหร่ว่ามา” นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า กรณีศอ.ฉ. แถลงว่าคนเสื้อแดงเตรียมอาวุธ อาทิ ระเบิด น้ำกรด ไม้ไผ่เหลาแหลมเพื่อทำร้ายเจ้าหน้าที่และบอก

ว่าต้องใช้ความเด็ดขาดในการจัดการ นี่เป็นการเตรียมปราบประชาชน การชุมนุมนปช. ไมมีการสะสมอาวุธ หากไม่มีหลักฐานก็ให้หยุดปากพล่อยๆหยุดชงเองกินเอง อ้างว่าคนอื่นมีอาวุธและจะเดินมายิงเขาเสียดื้อๆ เราชุมนุมมานาน และเมื่อมีตำรวจมาตั้งด่านตรวจค้นก็ไม่พบอาวุธใดๆ เราไม่มีอาวุเท่ากองทัพ การต่อสู้คือสันติวิธี ระเบิด หรือน้ำกรดไม่มี และหากรัฐอ้างว่ามีก็ต้องแสดงหลักฐานมา ไม่อย่างนั้นก็ถือว่าเป็นการวางแผนฆ่า

“ไม้ไผ่เหลาแหลมเป้าหมายที่เอามาเป็นรั้วเป็นแนวป้องกันไม่ได้เอามาเป็นอาวุธ ที่แหลมเพราะให้ปักลงดินได้ อยากให้คิดบนพื้นฐานว่าอีกข้างมี เอ็ม 16 อีกฝ่ายถือไม้ปลายแหลม จะไปสู้ได้อย่างไร เราไม่มีกองกำลังติดอาวุธ หามีอาวุธ ที่เตรียมการไว้คือแห เราเตรียมแหไว้หากเข้ามาก็ทอดคลุม ได้ทีสามสีคน เราเตรีมแหไว้สู้กับทหาร”นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ส่วนที่บอกว่าเราจะเอาบั้งไฟ จะเอามายิง เฮลิคอปเตอร์ หากดูจะเห็นว่าใช้ยิงไม่ได้เลย

การยิงต้องมีรายละเอียด มีฐานยิง มีขั้นตอนไม่ใช่ บั้งไฟไม่ใช่ประทัด อานุภาพ ก็ไม่ทราบ เพราะคุมทิศทางยาก เราไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายที่จะเอาไปยิงเฮลิคอปเตอร์ เรื่องบั้งไฟ เป็นเรื่องสีสัน นายณัฐวุฒิ ยังเรียกร้องไปยังพรรคชาติไทยพัฒนา และนายบรรหาร ศิลปอาชา ว่า วันนี้พรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคชาติไทยพัฒนา และนายบรรหาร ศิลปะอาชา โตได้แล้ว อย่าไปเชื่อว่า พรรคประชาธิปัตย์จะแก้รัฐธรรมนูญ เพราะจากที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวานนี้ นายชวน หลีกภัย และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน บอกว่าไม่แก้ แล้วใครในพรรคจะมีปัญญาแก้ นายอภิสิทธิ์บอกจะแก้เพื่ออยู่กับพรรคร่วมก็เป็นเกมเท่านั้น พรรคร่วมต้องเปิดตาดูความเป็นจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.15 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช.นำ

นางสังวาลย์ สุทธิเสน 38 ปี ภรยา นายไพศล ทิพย์ลม อายุ 38 อาชีพ พนักงานส่งเอกสาร ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ 10 เม.ย. มาร่วมแถลงข่าว พร้อมบุตรสองคน โดยนางสังวาลย์ กล่าวว่า มาร่วมชุมนุมทั้งครอบครัว แต่วันเกิดเหตุตนไปทำงาน โดยกว่าจะจะทราบข่าวประมาณทุ่มกว่าๆ โดยมีคนโทรศัพท์มาบอก และขออยากให้นายกรัฐมนตรียุบสภาเพราะไม่อยากให้มีศพต่อไป

โดยนายณัฐวุฒิ กล่าว่า สำหรับผู้เสียชีวิตนั้นเบื้องต้น นปช. จะมอบเงินให้ห้าหมื่น และ มูลนิธิไทยคมก็จะดูแลการศึกษาของทั้งสองคนจนถึงปริญญาตรี ส่วนเมื่อจบการต่อสู้ เหลือเงินเท่าไหร่ก็จะหารแบ่งให้ผู้เสียชีวิตเท่าๆ กัน

ต่อมานายจตุพร พรหมพันธุ์  แกนนำ นปช. ได้เปิดเผยชื่อท่านผู้หญิงตามที่นายณัฐวุฒิกล่าวถึงว่าเป็นใครให้ผู้ชุมนุมได้รับทราบ

ขณะที่นางกาญจนี วัลยะเสวี แกนนำประชาสังคมหยุดระบอบทักษิณ กล่าวว่า ฝากบอกนายณัฐวุฒิ และนายจตุพร ว่าอย่าเอาชื่อท่านผู้หญิงที่ใกล้ชิดกับสถาบันมากล่าวหา เพราะท่านไม่มีโอกาสมาตอบโต้แก้ข้อกล่าวหา ถือเป็นการกระทำที่ไม่เป็นลูกผู้ชาย และเรื่องที่กล่าวกันนั้นล้วนเป็นเท็จทั้งสิ้น

ตนทราบดีว่าคนอย่างท่านผู้หญิงคนนี้  ไม่เคยสั่งผบ.ทบ. แต่ที่ทหารต้องออกมารักษาความสงบก็เพราะขณะนี้อยู่ในสถานการณ์ที่บังคับใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

กองทัพเป็นกลไกหนึ่งของรัฐบาลต้องปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของรัฐบาลอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับท่านผู้หญิงแต่อย่างใด และท่านไม่มีวันจะทำให้สถาบันมัวหมอง แต่ตรงกันข้าม กลับจะต้องปกป้องรักษาสถาบันไว้ยิ่งชีวิต อยากขอให้นายณัฐวุฒิหยุดปั้นน้ำเป็นตัวเสียที และหยุดการโยงสถาบันที่ชาวไทยเคารพนับถือมาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองเสียที

“คนที่ให้ข้อมูลคือคนที่รู้ความเป็นไปของคนข้างใน แต่นำเรื่องมาบิดเบือนเพื่อต้องการทำลายสถาบัน อาจจะทำด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือถูกเขาหลอกใช้ หรือเห็นแก่ผลประโยชน์ที่เคยได้จากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก่อนหน้านี้ จนถึงขณะนี้ก็ยังมีความสัมพันธ์กันอยู่ นำเรื่องต่างๆที่ได้รับรู้มาปะติดปะต่อแล้วบอกให้แกนนำนปช.เอาไปพูดให้เกิดความเสียหาย แต่คนที่พูดนั้นไม่ได้รู้เรื่องจริงเห็นได้จากบางทีก็เรียกคุณหญิง บางทีก็เรียกท่านผู้หญิง ทั้งนายจตุพร และนายณัฐวุฒิ กำลังตกเป็นเครื่องมือของคอมมิวนิสต์หลงยุคที่ต้องการล้มล้างสถาบัน ดังนั้นขอให้หยุดพฤติกรรมแบบนี้แล้วรีบหาทางลงให้ตัวเองก่อนที่จะได้รับโทษทัณฑ์ที่หนักหนาสาหัสกว่านี้” นางกาญจนี กล่าว