คมชัดลึก :การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี “ยุบสภา” เข้าสู่สัปดาห์ที่ 7 แล้ว แม้ว่ามวลชนคนรักทักษิณ ที่มาปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณสี่แยกราชประสงค์จะมากบ้าง น้อยบ้าง ตามกำลัง
ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงพยายามทำทุกวิถีทาง แม้ว่าบางครั้ง “บ้านเมือง” จะได้รับความเสียหายมากน้อยขนาดไหน หรือจะทำให้ประชาชนคนทั่วไปที่หาเช้ากินค่ำ ที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ “ตกงาน” โดยที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ซึ่งเท่าที่ ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) สำรวจมีถึง 1.3 หมื่นคนแล้ว ก็พยายามเรียกร้องให้คนเหล่านั้นร่วมกันเสียสละ ทั้งที่ครอบครัวของพวกเขากำลังเดือดร้อนหนัก
ศอฉ. มีความหวั่นเกรงว่าประชาชนคนทั่วไปที่หาเช้ากินค่ำ จะรวมตัวกันเพื่อคัดค้านการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ผนวกกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ กลุ่มคนเสื้อเหลือง ที่ประกาศ “ขีดเส้นใต้” ให้รัฐบาลจัดการกลุ่มคนเสื้อแดงภายใน 7 วัน กลายเป็นเหตุให้ประชาชนคนไทยฆ่ากันเอง
รอเสียงนกหวีดจากป๊อกวันว.เวลาน.สลายแดง
ศอฉ.จึงต้องทำงานหนักเป็น 2 เท่า โดยเฉพาะ สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะ ผอ.ศอฉ. และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ทำหน้าที่ในการควบคุมกำลัง “ทหาร-ตำรวจ-พลเรือน” หาทางแก้ไขปัญหาของกลุ่มคนเสื้อแดงโดยด่วน
ปฏิบัติการครั้งนี้จะต้องทำอย่างรอบคอบและเด็ดขาด หาก “ชักเข้า-ชักออก” เหมือนเมื่อวันที่ 10 เมษายน ความสูญเสียก็จะเกิดอย่างรุนแรง
สิ่งหนึ่งที่ ศอฉ. ต้องระวังเป็นพิเศษคือ “กลุ่มก่อการร้าย” ที่แอบแฝงปะปนอยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดง จึงทำให้ การวางแผน การจัดวางกำลังจะต้องซับซ้อนและแม่นยำ
โดยเฉพาะปฏิบัติการของกำลังทหารที่ปกติจะใช้เพียง “โล่-กระบอง” แต่ขณะนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนด้วยการให้เจ้าหน้าที่ถืออาวุธประจำกายเพื่อป้องกันตัวเอง และให้อยู่ห่างจากกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 30-40 หลา เพื่อป้องกันหากเกิดการปะทะกับผู้ชุมนุม
เพราะสายข่าว รายงานว่า “กลุ่มก่อการร้าย” ที่แฝงตัวอยู่กับกลุ่มคนเสื้อแดงได้ซ่องสุมอาวุธสงครามเป็นจำนวนมาก อาทิ ระเบิดชนิดขว้างแบบ เอ็ม 67 ระเบิดแบบเอ็ม 79 อาร์พีจี รวมถึงไม้ที่ตอกด้วยตะปู น้ำกรด ไม้แหลม ที่เตรียมการไว้สร้างสถานการณ์เลือดนองแผ่นดินในยามสลายการชุมนุม
ไม่แต่เพียงเท่านี้ ปืน “ทราโว่” ที่ผลิตจากประเทศอิสราเอล กองทัพบกจัดซื้อมาทดแทน ปืนเอ็ม 16 หายไปเป็นจำนวนมากจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายน
จาก 500 กระบอก ที่เบิกมาสนับสนุนภารกิจของกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) เหลือกลับไปเพียง 200 กว่ากระบอก อีกเกือบ 300 กระบอกหายไปกับการสลายการชุมนุมวันนั้น
เมื่อประเมินสถานการณ์ถึงตรงนี้ บรรดา ผบ.เหล่าทัพ จึงได้หยิบยกการใช้ "กฎอัยการศึก" ขึ้นมาหารือกันอย่างจริงจัง
ก็เพื่อเสริมมาตรการการเข้าขอพื้นที่สี่แยกราชประสงค์ หลังจากส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษจาก “กองทัพบก-กองทัพเรือ-กองทัพอากาศ-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ขึ้นไปประจำอยู่ตามยอดตึกสูงแล้ว
ขณะนี้เหลือเพียงรอเวลา “นกหวีด” ที่ พล.อ.อนุพงษ์ จะให้ดำเนินการตาม วัน ว. เวลา น. เท่านั้น ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงก็ยังไม่แสดงท่าทีในการขับเคลื่อน เพราะยังไม่แน่ใจว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้จะประสบความสำเร็จเหมือนครั้งที่ผ่านมาหรือไม่
การนิ่งสงบของคนเสื้อแดงนั้นก็เพื่อปล่อยให้เกม "ฟ้องโลก" ดำเนินไปด้วยตัวมันเอง เพราะในยามที่กำลังคนมีเพียงน้อยนิด ไม่สามารถกดดันรัฐบาลและกองทัพได้ การนิ่งสงบ เป็นเพียงเกมเดียวที่โลกจะยอมรับ
ยกเว้นแดงเกิดร้อนขึ้นมาเหมือนอย่างที่พยายามแสดง ตั้งป้อมค่าย บังเกอร์ ราวกับอยู่ในสนามรบและพร้อมนำอาวุธมาตอบโต้ทหาร ตรงนี้เหตุการณ์ก็จะซ้ำรอยวันที่ 10 เมษายน ที่แม้จะเกิดเหตุรุนแรง แต่แรงผลักให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองกลับแผ่วเบาราวขนนก
ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นเหมือน 6 ตุลาคม 2519 เลยแม้แต่น้อย !
ทีมข่าวความมั่นคง