โฆษก ศอฉ. ยันมีกลุ่มก่อการร้ายปะปนในผู้ชุมนุม เตรียมอาวุธทั้งระเบิด-น้ำกรด-ไม้ตอกตะปู ไว้สู้กับทหารเลยปรับแผนให้ทหารอยู่ห่างม็อบ 30-40 หลา พร้อมจัดการเด็ดขาด เพื่อปกป้องชีวิตเจ้าหน้าที่..
ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) เมื่อเช้าวันที่ 20 เม.ย. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
แถลงข่าวภายหลังการประชุม ศอฉ.มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานการประชุม ได้มีการทบทวนการปฏิบัติงานหลังจากที่เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ได้เรียกผู้บังคับการกรม และผู้บังคับกองพัน มารับทราบการปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์กระประท้วง รวมถึงการทบทวนรายงานข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมทั้งส่วนกลางและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่
ทั้งหมดรายงานตรงกันว่า กลุ่มก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมได้เตรียมระเบิดขว้าง ระเบิดขวด ไม้เหลาแหลม ทั้งชนิดถือและแบบยิง ไม้ตอกตะปู น้ำกรด
ดังนั้นเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ จะต้องปรับแนวทางการปฏิบัติ จากเดิมที่จะต้องปฏิบัติการตามกฎการใช้กำลัง 7 ขั้นตอนในการป้องกันชีวิตเจ้าหน้าที่ โดยปรับเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร ตำรวจ จะต้องอยู่ห่างจากกลุ่มผู้ชุมนุม 30-40 หลา เพื่อความปลอดภัย คงไม่เอาโล่ไปดันกลุ่มผู้ชุมนุมเหมือนเมื่อก่อน เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมมีระเบิดขว้าง มีน้ำกรด ไม้เหลาแหลมที่อาจจะทำให้เสียชีวิตได้ทั้งสิ้น
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวต่อไปว่า เบื้องต้นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จะยิงด้วยแก๊สน้ำตา เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมบุกรุกแนวสกัดกั้นเข้ามายังตัวเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ
ทั้งนี้ ศอฉ. ยืนยันว่า การดำเนินการจะทำจากขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก แต่ถ้าไม่สามารถสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้ ก็จำเป็นจะต้องปฏิบัติการในลักษณะความเฉียบขาดในการปกป้องชีวิตของเจ้าหน้าที่ ถ้าบุกเข้ามาเจ้าหน้าที่จำเป็นจะต้องใช้อาวุธเข้ามาดำเนินการ หากตรวจพบกลุ่มก่อการร้ายที่มีอาวุธสงครามอยู่ด้านหลังจะทำร้ายผู้ชุมนุมหรือเจ้าหน้าที่ และหากเจ้าหน้าที่มองเห็นก็จะใช้อาวุธยับยั้งคนเหล่านี้ให้ได้ทันที อย่างไรก็ตามหากวันข้างหน้ามีการขอพื้นที่การชุมนุมคืน ก็จะปฏิบัติตามกฎหมาย 7 ขั้นตอนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ที่ประชุมยังพูดถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงนำข้อมูลข่าวสารที่ระบุว่า
มีคนนำเอาข้อมูลในการประชุมระดับผู้บังคับกองพันไปแจ้งกับแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงมีกระดาษเขียนให้ชัดเจนว่าภายใน 7 วันจะดำเนินการอะไรบ้างหรือข้อมูลที่รั่วไปจะเป็นทหารแตงโมหรือไม่นั้น ตนยืนยันว่า เป็นข้อมูลเท็จ ในฐานะทีี่เป็นโฆษก ศอฉ.แล้ว ยังรับผิดชอบเป็นเลขานุการการประชุม จึงไม่เคยทำเอกสารอย่างที่ว่านี้ ขอให้รู้ด้วยว่าเป็นเท็จ โดยปกติแล้วการประชุมทุกครั้ง ประธานไม่ว่าจะเป็น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะ ผอ.ศอฉ. หรือ พล.อ.อนุพงษ์ ทุกครั้งจะย้ำเสมอว่าทุกครั้งจะต้องปฏิบัติอย่างละเอียดรอบคอบตลอดเวลา ให้นึกเสมอว่าคนที่เคลื่อนไหวหรือเราเคลื่อนไหว ก็คือคนไทยด้วยกัน
เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สองอดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมทำหนังสือขอเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า มีคนพูดเยอะแล้ว และท่านก็เป็นผู้ใหญ่ ท่านน่าจะคิดอะไรได้ดีมากกว่าตน ขอให้สังคมเป็นผู้พิจารณา ทั้งนี้หากว่ากลุ่มผู้ชุมนุมบุกไปที่โรงพยาบาลศิริราชคงเป็นไปไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ให้ไปเด็ดขาด เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และพระองค์ท่านอยู่เหนือความขัดแย้งทางด้านการเมือง ส่วนเรื่องการสลายการชุมนุมพร้อมเมื่อไรทำทันที
ส่วนเรื่องการเคลื่อนไหวของแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงในครั้งนี้ เข้าข่ายเป็นกบฎแห่งราชอาณาจักรหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า จะต้องพิจารณากันไปตามข้อกฎหมาย
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ชวลิต บอกว่าจะเกิดความสูญเสียภายใน 1-2 วันนั้น เป็นมุมมองของท่าน แต่เจ้าหน้าที่จะพยายามทุกอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น แต่ถ้าหากว่าจำเป็นอะไรจะเกิดก็จะต้องเกิด แต่ก็จะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานที่สังคมเข้าใจ ทั้งนี้ ศอฉ.ประเมินว่ากลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณราชประสงค์ ประมาณ 15,000 -16,000 คน 30 % เป็นคนต่างจังหวัด ส่วน 70 % คือคน กทม. และ ปริมณฑล