ชวลิต-สมชาย ออกแถลงการณ์ ขอพึ่งพระบารมี ในหลวง ยุติความขัดแย้งทั้งปวง

"ชวลิต-สมชาย" ออกแถลงการณ์ ขอพึ่งพระบารมี "ในหลวง" ยุติความขัดแย้งทั้งปวง ตามรอยพฤษภาทมิฬ หากผิดพลาดของรับผิดชอบคนเดียว เผยเคยติดต่อราชเลขาฯขอเข้าเฝ้าแล้ว จี้นายกฯ ยกเลิก พ.รก.ฉุกเฉิน-ยุบสภา อ้างได้ข่าวปฎิวัติ

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 เมษายน ที่พรรคเพื่อไทย พล.อ.ชวลิต  ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และที่ประธานพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายสมชาย  วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมกันออก “แถลงการณ์สองอดีตนายกรัฐมนตรี” ลงวันที่ 19 เมษายน 2553


โดยนายสมชาย เป็นผู้อ่านแถลงการณ์ที่มีเนื้อหาใจความว่า  “ปัญหาของบ้านเมืองในขณะนี้เกิดจากความไม่เป็นประชาธิปไตยและการไม่มีความยุติธรรมในสังคม ความแตกแยกทางการเมืองมีแนวโน้มที่จะขยายลุกลามจนไม่อาจแก้ไขได้ ผมทั้งสองคนเห็นว่าในระยะยาวนั้น เราไม่อาจก็ไขปัญหาของประเทศได้ ถ้าเราไม่สร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงให้เกิดขึ้นในประเทศไทย และขจัดการเลือกปฎิบัติสองมาตราฐาน เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไป ผมทั้งสองขอเรียกร้องดังต่อไปนี้ 1. ต้องหยุดความรุนแรงและการสังหารประชาชนโดยทันที 2.รัฐบาลต้องประกันว่าจะต้องไม่มีคนไทยเสียชีวิตจากการชุมนุมทางการเมืองอีกแม้แต่คนเดียว 3.ต้องยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินโดยทันที ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิในการชุมนุมทางการเมืองตามปกติภายใต้ความคุ้มครองทางกฎหมาย 4.ต้องยุติการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารแต่เพียงฝ่ายเดียว เลิกปิดกั้นสื่อสารมวลชนและเลิกละเมิดสิทธิในการรับรู้ข่าวสารของประชาชน และ5.ให้รัฐบาลคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกรัฐบาลใหม่ โดยการยุบสภาทันที คนไทยทุกสีทุกคนมีควมห่วงใยในสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ และทุกคนทุกฝ่ายมีหน้าที่แก้ปัญหาร่วมกัน ผมทั้งสองคนเชื่อมั่นว่าเราจะหาทางออกให้กับประเทศได้ ถ้าเราตระหนักในรากเหง้าของปัญหา และร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจและจริงจัง”


นายสมชาย กล่าวว่า  ตนหวังว่ารัฐบาลจะรับฟังข้อเรียกร้องของพวกตน

ทั้งนี้ตนได้หารือกับพล.อ.ชวลิต แล้วเห็นตรงกันว่าถ้าเราคนใดคนหนึ่งยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ในขณะนี้คงยุติปัญหาได้ง่าย โดยการลาออกหรือยุบสภาเพื่อในวันพรุ่งนี้ก็จบเพื่อไม่ให้ปัญหาบานปลายต่อไปอีก สำหรับความเป็นไปได้ในการตั้งรัฐบาลแห่งชาตินั้นอาจมีความเป็นไปได้หลายทาง แต่เชื่อว่าปัญหาจะไม่จบสิ้นเหมือนอย่างที่ตนเสนอ แต่ถ้าตัดสินใจให้ประชาชนเลือกของเขาเองทีเดียวก็จบ ถ้าเลือกครั้งแต่ไปพรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนน 280 หรือ240 ตามที่ได้พูดเอาไว้ พวกตนก็เต็มใจที่จะให้พวกท่านบริหารบ้านเมือง ในทางกลับกันหากพรรคเพื่อไทยได้รับเลือกก็ต้องยอมรับ สิ่งนี้ถือว่าแฟร์ที่สุด


ด้านพล.อ.ชวลิต กล่าวว่าสถานการณ์ในบ้านเมืองวันทุกคนเห็นพ้องกันว่าในบ้านเมืองมีความตึงเครียดกันมากขึ้น

ซึ่งมีความจำเป็นที่พรรคเพื่อไทยต้องชี้แจงซึ่งที่มีความสำคัญซึ่งต้องเรียนให้พี่น้องได้รับทราบโดยทั่วกันซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ตามแถลงการณ์ที่กล่าวไปแล้วนั้นขอให้รัฐบาลยุติการสั่งให้กองทัพใช้กำลังกับพี่น้องประชาชน เพราะหากมีคนสูญเสียชีวิตแม้แต่อีกคนเดียวเราก็ยอมรับไม่ได้นี่คือสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุด ความเป็นจริงในฐานะที่ตนเคยเป็นทั้งผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารสูงสุด เคยรับผิดชอบต่อความสงบสุขของบ้านเมืองมาตลอดระยะเวลาที่รับราชการอยู่ และตนยังเป็นสมาชิกเหรียญจุลจอมเกล้าฯ เหรียญรามาฯ ซึ่งน้อยคนนักที่จะได้รับพระราชทานหรือมีพระมหากรุณาธิคุณที่จะพระราชทานให้


พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ตนนึกอยู่ตลอดเวลาว่ามีหลายหนทางในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง มีหนทางหนึ่งที่อยู่ในความคิดตลอดเวลา

แม้เป็นหนทางที่กลัวว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ตนคิดว่าด้วยจิตใจที่แน่วชีวิตที่เคยถวายไว้เบื้องพระยุคลบาทในการปฎิบัติรับใช้พระเดชพระคุณนำเอาความสงบมาสู่บ้านเมืองในปัจจุบัน หนทางที่มีอยู่ในหัวใจของตนหรือพวกเราหวังในพระมหากรุณาธิคุณอย่างถึงที่สุด หวังในสิ่งนี้ว่าจะมีพระมหากรุณาธิคุณให้พวกเรายุติความขัดแย้งที่มีมานานพอสมควร และสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองอย่างมหาศาล


พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ทุกคนคงทราบดีว่าสถาบันอันเป็นที่เคารพรักของพวกเรา ที่พวกเราเรียกว่าเป็น "อเนกนิกรสโมสรสมมติ" คือเป็นสิ่งเดียวที่พวกเราเคารพรักเทิดทูนเหนือสิ่งอื่นใด พรรคเพื่อไทยก็ดีกลุ่มคนเสื้อแดงหรือนปช.ก็ดี ด้วยความเคารพเทดิทูนสุดชีวิต เราไม่เคยที่จะนำเอาสถาบันลงมาอ้างลงมาพูด ลงมาใช้ประโยชน์เพราะสิ่งนั้นคือสิ่งที่ไม่เหมาะสม


“พระราชอาญาไม่พ้นเกล้าฯ ข้าพเจ้าขอรับทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้เหนือหัว หากสิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวกเราในวันนี้นั่นก็คือขอรับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯให้กับพี่น้องคนไทยให้กับพวกเราด้วย กระผมผมคิดว่าถ้าไม่มีพระมหากรุณาธิคุณดังกล่าว กระผมคิดว่าไม่แน่ใจต่อการสูญเสียภายใน 1-2 วันข้างหน้านี้ มันจะเป็นตราบาปหรือสิ่งที่พี่น้องคนไทยไม่ต้องการที่จะเห็นในชีวิต หากมีสิ่งใดที่ผิดพลาดข้าพเจ้าขอน้อมรับแต่เพียงผู้เดียวนั่นคือสิ่งที่เราต้องการที่สุกในวันนี้”พล.อ.ชวลิตกล่าว


พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ภารกิจสำคัญที่ตนได้ตัดสินใจกับสู่การเมืองอีกครั้งหนึ่งนั่นก็คือการมาพิสูจน์ว่าพรรคนี้เสื้อสีนี้คนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนั้นมีความจงรักภักดีหรือไม่

ซึ่งตนได้พิสูจน์ด้วยตัวเองด้วยสายเลือดของทหารรักษาพระองค์ที่มีมาถึงทุกวันนี้ คือความจงรักภักดีที่มีมีเสื่อมคลายลงแม้แต่น้อย ซึ่งบุคคลที่ตนเหล่าถึงล้วนแล้วแต่มีความจงรักภักดีอย่างที่สุด ตนจะยืนหยัดทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสถาปนาการปกครองในระบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขแห่งรัฐให้สถิตสถาพระตลอดไปให้จงได้


ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าได้ข่าวว่าจะมีการปฎิวัติภายใน 1-2 วันนี้

พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า เมื่อสักครู่นายสมชาย ได้กระซิบตน เรากลัวเหลือเกินว่าพี่น้องทหารของเราจะใช้กำลังเข่นฆ่า อย่างไม่ดูหน้าดูหลังต่อพี่น้องประชาชนที่น่าสงสาร ถ้าหากว่าการพัฒนาการเมืองการปกครองหรือสังคมไทยในทุกวันี้ถ้าทุกคนมองแต่เพียงว่าพัฒนาโดยเป็นสมุนของพ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร อดีตนากยรัฐมนตรี หรือเพื่อประโยชน์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ดี เป็นสิ่งที่น่าเสียใจอย่างที่สุดว่าท่านไม่น่ามีความคิดที่คับแคบในลักษณะอย่างนั้นวันนี้ความคิดของพี่น้องประชาชนไปไกลจนถึงจุดที่ทุกคนปราถนาตามที่พูดมา 


“เป็นความห่วงใยอย่างที่สุดกองทัพของเรา ที่มีควมผูกพันกับประชาชนทุกหมู่เหล่า ด้วยปัจจัยบางประการจะเกิดข้อขัดแย้งและการใช้ควมรุนแรงที่เกิดขึ้น”พล.อ.ชวลิต กล่าว


เมื่อถามว่าพรรคมีจุดยืนในการดำเนินการกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่เป็นมือที่สามอย่างไร พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า เรายังไม่เห็นว่าคำว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายที่พูดนั้นคือกลุ่มไหน

วันนี้รู้สึกว่าถ้าตนฟังไม่ผิดในการแถลงของรัฐบาลได้พูดถึงการก่อการระเบิดตามสถานที่ต่างๆ หรือเสาไฟฟ้าบ้าง ซึ่งความเป็นจริงไม่ได้เกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงแม้แต่น้อย เป็นที่น่าเสียใจว่าเจ้าหน้าที่ของกองทัพบางคนไม่มีประสบการณืหรือไม่เคยผ่านสถานกาณณ์ในลักษณะอย่างนี้ในอดีตมาก่อนเลยพูดจาในลักษณะรุนแรงและชี้ไปในทางที่ว่ากองทัพต้องใช้กำลังอย่างรุนแรงเพื่อปราบปรามพี่น้องประชาชนซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ


เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่พล.อ.อนุพงษ์  เผ่าจินดา ผบ.ทบ.จะเลือกแนวทางปฎิวัติ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะไปบอกหรือไปพูดถึงแนวคิดของท่านได้

แต่ถ้าจะมองดูให้ดีผบ.ทบ.คนนี้ยังเป็นผบ.ทบ.ที่มีความเข้าใจในปัญหาเรื่องการเมืองความปราถนาของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี รเมีความเชื่อว่าไม่ใช่คนๆนี้หรอกที่จะใช้กำลังปราบปรามประชาชน
เมื่อถามว่าถ้ารัฐบาลไม่ทำตามข้อเรียกร้องของพรรคเพื่อไทยพรรคจะดำเนินการอย่างไรต่อไป พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า หนทางหนึ่งคือพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งคงจะมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพวกเราอย่างแน่นอนที่ตน สิ่งนี้เป็นความเชื่อของตนเพราะในชีวิตที่เคยรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทมาไม่เคยเห็นว่าพระองค์ท่านไม่สนพระทัยในลูกหลานของพระองค์ท่านเลยแม้แต่นอนนั่นคือความหวังความฝันของพวกเรา


เมื่อถามว่าการขอพระกรุณาธิคุณจะอยู่ในรูปแบบการถวายฎีกาหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า

เราคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพูดวันนี้คงต้องถึงพระเนตร พระกรรณอย่างแน่นอนที่สุด ความเป็นจริงมีความพยายามของพวกเราที่จะไปกราบพระบาทด้วยตัวของพวกเราเองมาโดยตลอด เพียงแต่ว่าได้ทราบว่าพระอาการยังไม่ค่อยดี แต่วันนี้ทราบว่าท่านทรงพระสำราญขึ้นแล้วก็อาจจะมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ซึ่งคงจะเป็นโชคอย่างที่สุดของคนไทยของเราและของประเทศชาติด้วย


เมื่อถามว่าข้อเสนอของพรรคเพื่อไทยจะเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ความหวังในพระมหากรุณาธิคุณที่ลูกทุกคนมีต่อเสด็จพ่อนั้นเป็นความน่ารัก พระองค์ท่านคงจะไม่มีพระราชหฤทัยหรือน้ำพระทัยในลักษณะอย่างนั้น


เมื่อถามว่าพระมหากรุณาธิคุณที่พรรคเพื่อไทยต้องการคืออยากเห็นภาพในลักษณะเดียวในช่วงพฤษภาทมิฬหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า  "เป็นความฝันความหวังจริงๆของผมว่าจะเหมือนคราวนั้น มีแต่พระมหากรุณาธิคุณที่จะปกป้องทุกสิ่งทุกอยากไม่ให้เกิด เพราะว่าวันนี้น่ากลัวจริงๆ น่ากลัวว่าความขัดแย้งแม้ทหารก็ดีกองทัพก็ดี ไม่ต้องการทำร้ายประชาชนหรอก ตนเข้าใจในเรื่องนี้ดี และสบายใจกับกองทัพมาก ในความเป็นจริงในวันที่ 10 เมษายนลึกๆ แล้วเขาช่วยเหลือกันนะ นี่คือสิ่งที่เราหวัง"


เมื่อถามว่าได้มีการประสานไปยังองคมนตรีหรือไม่ พล.อ.ชวลิตกล่าว่า พยายามติดต่ออยู่ ได้ติดต่อไปยังท่านราชเลขาธิการ เพื่อขอเข้าเฝ้าฝ่าละอองธุลีพระบาท ยังพยายามติดต่อท่านอยู่

วันนี้ทุกคนวุ่นวายกันหมดทุกอย่าง ความจริงก็อยากให้สงบได้ข้ามคืน เหมือนที่นายสมชายพูด ถ้าวงจรของสถานการณ์ของสถานการณ์ปล่อยให้เดินไปอย่างนี้เรื่อยๆไม่ตัดวงจร มันจะยุ่งจริงๆ ปล่อยให้เดินแบบนี้ไม่ได้ อาจจะพัฒนาไปสู่จุดที่อันตรายมากๆ แต่ถ้าตัดวงจรอย่างน้อยที่สุดหยุดชั่วคราวแล้วเอาอำนาจนี้ให้ประชาชนเสีย มีคนกลุ่มหนึ่งในค่อยเชื่อในเรื่องนี้ว่า การเลือกตั้งจากประชาชนคืออำนาจที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง ซึ่งยังมีอยู่ไม่น้อยที่ไม่ยอมเชื่อ  แต่ในส่วนกองทัพต้องขอร้องว่าอย่าไปใช้กำลังกับประชาชนเลย  รับรองหากมีการใช้ความรุนแรงคงไม่ใช่แค่ สี่ห้าร้อยศพคงเยอะกว่านั้นเพราะถึงจุดที่ทุกคนก้เห็นว่าจิตใจของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างไร ไม่ใช่จะต่อต้อานแต่ต้องการแสดงความรู้สึกที่แท้จริงว่าเขาต้องการการปกครองระบอบประชาธิปไตย ทีมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข


เมื่อถามว่า ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่พร้อมเป็นนายกฯหรือไม่ พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า แก่จะตายอยู่แล้ว แต่คนในพรรคคนเหมาะสมนั้น ตนจะชี้ให้ มีคนเยอะ ตนก็ได้จบหน้าที่ของตนเองแล้วที่บ้านเมืองจะไปสู่ความสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง


เมื่อถามว่าได้หารือกับพ.ต.ท.ทักษิณถึงแนวคิดการประสานไปยังราชเลขาธิการเพื่อขอเข้าเฝ้าหรือไม่  พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ไม่รู้จะว่าไง  เพราะพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ไกล ไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่ได้หารือ ไม่ได้คุยไม่ได้พูด อย่าให้ไป แต่สถานการณ์ตอนนี้คนไทยมันพัฒนาไปเยอะ พัฒนาไปสู่อะไรต่างๆ เป็นประชาธิปไตยที่มุ่งหวัง ไม่ใช่พ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่คนหนึ่งคนใด แต่อุดมการณ์มันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ประชาชนก็อยากจะเป็นแบบนั้นจริง บ้านเมืองอื่นกว่าจะเป็นประธิปไตยก็ผ่านขั้นตอนของความโหดร้ายกันมาก เราอย่าเป็นอย่างนั้นเลย


เมื่อถามว่าลูกทะเลาะกันแต่ให้พ่อมาแก้ปัญหาเมื่อไหร่ลูกจะโตเสียที พล.อ.ชวลิต ได้นิ่งไปชั่วครู่แล้วหัวเราะก่อนกล่าวว่า  “เออ ลูกไม่โตซะทีเนอะ” ก่อนเดินออกไปทันที


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนการแถลงข่าวเจ้าหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยได้อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์คู่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถมาตั้งไว้บริเวณเวทีแถลงข่าว โดยก่อนที่พล.อ.ชวลิต และนายสมชายจะได้ข่าวนั้น อดีตนายกรัฐมนตรีทั้งสองคนได้เดินไปถวายความคำนับพระบรมฉายาลักษณ์ก่อนที่จะเปิดการแถลงข่าว ทั้งนี้ภายหลังการแถลงข่าว พล.อ.ชวลิตพยายามเรียกนายสมชายให้เข้ามาร่วมตอบคำถามผู้สื่อข่าวด้วย แต่นายสมชายยิ้มแหยเป็นการปฎิเสธก่อนเดินจากไป 


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์