โฆษกศอฉ.เผยอนุพงษ์ซ้อมแผนสลายแดง

 

คมชัดลึก :โฆษก ศอฉ.เผย “อนุพงษ์” ถก ผบ.หน่วย ทั่วกรุง ซักซ้อม “แผนสลายแดง” ขอแยกราชประสงค์คืน ลั่นภารกิจนี้ทหารจำเป็นต้องติด “อาวุธจริง” ป้องชีวิตกำลังพล ย้ำยึดหลักสากลทำตามขั้นตอน อัดแกนนำแดงน่าละอายใช้ “คนแก่-ผู้หญิง-เด็ก” เป็นโล่กำบัง


ส่วน ศอฉ.ที่ต้องเผชิญกับการกดดันกับผู้ชุมนุมบางส่วน ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กังวลในการปฏิบัติงาน ไม่อยากจะใช้มาตรการรุนแรง

เพราะเกรงว่าประชาชนที่มาร่วมชุมนุมจะได้รับบาดเจ็บหรืออันตราย ทำให้การปฏิบัติภารกิจในแต่ละพื้นที่ไม่สามารถดำเนินการไปตามข้อกฎหมายได้ ดังนั้น จึงได้กำชับและทำความเข้าใจกันใน 3 ประเด็น คือ 1. การปฏิบัติงานจะใช้หลักมาตรการสากลจากเบาไปหาหนัก 7 ขั้น มาตรการแต่ละขั้นตามความเหมาะสมที่จะสามารถหยุดยั้งการปฏิบัติของกลุ่มผู้ชุมนุมที่พยายามทำผิดกฎหมายให้ได้ 2. ต้องเป็นการดำเนินการสมควรแก่เหตุ และ 3. ต้องแสดงให้เห็นชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีความมุ่งหมายที่จะทำร้ายเอาชีวิตผู้ชุมนุม


“หากกลุ่มผู้ชุมนุมกดดันเจ้าหน้าที่ไม่ได้มุ่งหมายเอาชีวิตเจ้าหน้าที่ ศอฉ.ก็จะว่าไปตามนี้ เจ้าหน้าที่เขาก็มีสิทธิ์ที่จะใช้อาวุธป้องกันเขาเองเช่นกัน เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีทั้ง ไม้ หลาว แหลม ที่แทงเข้าไปที่คอเจ้าหน้าที่ทหาร หรืออิฐตัวหนอนที่ขวางโดนศีรษะเจ้าหน้าที่ทหาร จนสมองบวมต้องนอนอยู่โรงพยาบาล เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้เสียชีวิตได้ทั้งสิ้น ทั้งนี้ การประชุมชี้แจงทำความเข้าใจอย่างละเอียดทุกคน โดยมีผู้บังคับหน่วยในทุกระดับชั้นจนถึงระดับผู้บังคับกองพัน ซึ่งทุกคนมั่นใจว่าจะไปทำความเข้าใจการปฏิบัติงานให้ผู้ใต้บังคับบัญชารับทราบ”พ.อ.สรรเสริญ กล่าว


โฆษก ศอฉ. กล่าวว่า ตนอยากฝากไปถึงแกนนำว่า โปรดอย่าได้เอาเปรียบผู้หญิง คนชรา และเด็ก มาเป็นโล่ข้างหน้า

เวลาที่ท่านเคลื่อนมากดดันเจ้าหน้าที่ เพราะเป็นเรื่องน่าละอาย เหตุการณ์ที่ผ่านมายืนยันชัดเจนว่า มีคนถืออาวุธสงครามอยู่ในหมู่ของคนเสื้อแดง เราไม่ได้หมายความว่าคนเสื้อแดงทั้งหมดที่ไปร่วมชุมนุม แต่ภาพที่ปรากฎในเหตุการณ์เห็นอยู่แล้วว่า มีกลุ่มผู้ร้ายเห็นผู้ถืออาวุธร้ายแรงแฝงปะปนตัวอยู่ ฉะนั้นการซุ่มยิงทั้งหลาย หรือการใช้อาวุธ เอ็ม 79 หรือลูกระเบิดขวางที่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ส่งผลกระทบทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้รับอันตรายด้วย ทำให้การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่จำเป็นไปยึดพื้นที่ตึกสูงอาคารสูง เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ที่มีอาวุธสงครามร้ายแรงใช้พื้นที่สูงเหล่านั้นทำร้ายประชาชน


เมื่อถามว่า การประชุมระดับผู้บังคับกองพันและผู้บังคับหน่วยเป็นการซักซ้อมความเข้าใจก่อนขอพื้นที่แยกราชประสงค์คืนใช่หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่ได้หมายความแบบนั้นอย่างเดียว

แต่เป็นการทำความเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่สามารถทำอะไรได้บ้าง เช่น เมื่อผู้ชุมนุมเคลื่อนไปสีลมต้องเกิดการปะทะกันแน่นอน โดยวันนี้เราจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น และสามารถตรวจสอบได้ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีการหารือถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น หากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติภารกิจขอคืนพื้นที่ ดังนั้น วันนี้จึงได้หารือเพื่อเตรียมความพร้อม เพราะการปฏิบัติขอพื้นที่คืนนั้น ทุกอย่างต้องมีความพร้อมเต็มที่ เพื่อให้การปฏิบัติบรรลุเป้าหมาย ซึ่งต้องหารือในหลายปัจจัย


“วันนี้ผู้บัญชาการกองพลที่รับผิดชอบพื้นที่โซน ได้รายงานที่ประชุมได้นำกำลังเข้าไปร่วมกับตำรวจ เพื่อตั้งจุดตรวจสกัดกั้นการทำผิดกฎหมาย เราได้เตรียมพร้อมการป้องกันการก่อการร้ายที่แฝงตัวในกลุ่มผู้ชุมนุม เพราะกลุ่มเหล่านี้ยังอยู่ในพื้นที่การชุมนุม ดังนั้น อยากให้ทางผู้ชุมนุมแสดงความบริสุทธิ์ใจให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบบริเวณหลังเวที ด้านผู้ประกอบการได้ส่งสัญญาณมา ศอฉ.ให้คลี่คลายสถานการณ์ทำให้เรารู้สึกกดดัน”พ.อ.สรรเสริญ กล่าว


เมื่อถามว่า หากจะปฏิบัติภารกิจขอพื้นที่คืนทหารจะติดอาวุธจริงกระสุนจริงออกปฏิบัติหน้าที่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า แน่นอน เพราะเขาต้องให้ความมั่นใจว่าจะสามารถปกป้องชีวิตของเขาได้

แต่ทุกขั้นตอนจะยึดหลักสากล และปฏิบัติตามขั้นตอนชัดเจน ซึ่งนายทหารระดับผู้บังคับหน่วยมีความเข้าใจหลักการปฏิบัติแล้ว เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้อาวุธในการป้องกันตัวเอง และวันนี้เชื่อมั่นว่าสังคมยอมรับ
“ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ขอคืนพื้นที่ที่ผ่านฟ้า เราแลกชีวิตของพี่น้องทหาร ไม่ว่าจะเป็นทหารสัญญาบัตร และต่ำกว่าสัญญาบัตร รวมถึงประชาชนที่พลอยได้รับผลกระทบเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก เพื่อให้สังคมเห็นว่าทหารไม่ประสงค์ใช้ความรุนแรง และพยายามโอนอ่อนผ่อนปรนตลอดเวลาจนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต เราพยายามทำทุกอย่างให้สังคมเห็นว่า ถ้าดำเนินการโดยไม่ใช้อาวุธป้องกันตัวเอง เมื่อถึงที่สุดจะเกิดผลเสียหายแบบนี้ ดังนั้น เราจำเป็นที่จะต้องมีอาวุธ ทั้งนี้ ผู้บังคับบัญชาพร้อมที่จะรับผิดชอบให้เจ้าหน้าที่ถืออาวุธ ซึ่งกฎหมายมีอยู่แล้ว แต่เราไม่ได้คำนึงเพียงกฎหมายอย่างเดียว แต่คำนึงถึงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่”พ.อ.สรรเสริญ กล่าว


เมื่อถามว่า ที่ประชุมหารือกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่ประกาศจะเคลื่อนไหวหากรัฐบาลแก้ปัญหากลุ่มคนเสื้อแดงไม่ได้ภายใน 7 วัน

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า มีคำถามถามกันว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อสีต่าง ๆ ออกมาไม่ผิดหรืออย่างไร ทั้งนี้ ในขั้นตอนทาง ศอฉ.ไม่ได้เลือกปฏิบัติ หรือพยายามแก้ตัวแทนใคร แต่การชุมนุมที่ผิดกฎหมายจะต้องเข้าหลัก 4 ประการ คือ 1. การกีดขวางการจราจรจนไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่หากจะอำนวยความสะดวกเรื่องการจราจรก็เพียงพอที่จะอะลุ่มอล่วย 2 .ขัดขวางการปฏิบัติของส่วนต่างๆ ไม่ว่าประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าออกนอกอาคารได้ 3 .มีการประทุษร้าย 4. การขัดคำสั่งเจ้าหน้าที่ ดังนั้น การชุมนุมเสื้อสีต่างๆต้องดูความเหมาะสม ไม่เข้าหลักเกณฑ์ก็อะลุ่มอล่วยได้


“ถ้าวันนี้มั่วแต่นั่งนึกว่าฉันทำผิดแล้วคนอื่นทำอย่างฉันจะผิดบางหรือไม่ ประเทศชาติก็ไม่จบ หรือคิดว่าสมัยก่อนคนนั้นทำฉันก็ต้องทำได้บาง ถ้าคิดแบบนี้ก็หมายความว่า แต่ละสีทำร้ายประเทศชาติ อย่างน้อยสัก 2-3 ปี เมื่อมีครบแม่สีทั้ง 7 สี อย่างนี้อีก 20 ปี ประเทศไทยค่อยจะเดินหน้าไปได้ อย่าไปคิดแบบนี้ต้องคิดว่าวันนี้จะเริ่มต้นกันใหม่ที่จะทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย ทั้งนี้ กลุ่มคนเสื้อแดงไม่มีประสงค์จะชุมนุมในพื้นที่เสียหายต่อชาติบ้านเมือง ไม่ได้ประสงค์จะไปสีลม เพิ่มเติมจากที่ทำร้ายอยู่ทุกวันนี้ แต่เป็นเพราะความต้องการของแกนนำ หากไปชุมนุมที่ท้องสนามหลวง แล้วใครไปสลายการชุมนุมผมจะขอลาออกเลย”พ.อ.สรรเสริญ กล่าว


พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ศอฉ.ฟังเสียงเรียกร้องของประชาชนทุกคน แต่ไม่หมายความว่าเราต้องทำตาม สิ่งที่ใครสั่งใครบอก

แต่เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ต้องดูในความเหมาะสมในช่วงเวลาไหน ที่จะเหมาะสมต่อการดำเนินการให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุขโดยเร็วที่สุด แต่อย่าลืมว่ามีกลุ่มติดอาวุธอยู่ในผู้ชุมนุม ดังนั้น การดำเนินงานต้องรอบคอบ และเตรียมการทุกขั้นตอนที่มั่นใจได้ว่าทำแล้วไม่เกิดผลเสียหายและไม่เกิดความสูญเสียต่อประชาชน แต่หากสูญเสียจะให้น้อยที่สุดและสังคมยอมรับได้ ทั้งนี้ ไม่ต้องมีใครเรียกร้องมา เจ้าหน้าที่ก็กดดันอยู่แล้ว เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อธุรกิจ เศรษฐกิจของชาติในภาพรวมวันละพันถึงหมื่นล้านบาท


เมื่อถามถึงกรณีกลุ่มเสื้อแดงระบุมีไอ้โม่งใส่ชุดดำถืออาวุธสงครามหลายชนิด จะนำอาวุธไปคืนต่อกลุ่มเสื้อแดงโดยจะส่งคืนเจ้าหน้าที่นั้น

พ.อ.สรรเสิญ กล่าวว่า ขณะนี้อาวุธเหล่านั้นยังไม่ได้มีการนำมาคืนจะเก็บเอาไว้เองหรืออย่างไร ส่วนที่นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำ นปช.ออกมาระบุคืนแล้วนั้น เขาคืนกลับใคร เพราะทางตำรวจแจ้งมายังไม่ได้รับคืน ซึ่งอาวุธที่หายไปรวมทั้งหมด 68 ชิ้น ส่วนใหญ่จะเป็นอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ ส่วนรถยานเกราะนั้นมีการนำคืนแล้ว


พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า สำหรับการส่งเจ้าหน้าที่ไปอยู่บนตึกสูงนั้น เพื่อเป็นการป้องกันการยิงเอ็ม 79 หรือการลอบยิงทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชน

อย่างเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมาเราก็เห็นได้ชัด ส่วนการที่คนเสื้อแดงบอกว่าจะส่งการ์ดมาประกบ หากท่านมาเราก็จะจับ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการตึกสูงในพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ไปดูแลความปลอดภัยให้ความร่วมมือดี เว้นบางตึกที่ไม่พยายามทำความเข้าใจ ซึ่งพยายามอธิบายทำความเข้าใจ แต่คนเหล่านั้นแกล้งไม่เข้าใจก็เป็นเรื่องที่ยาก แต่สุดท้ายก็ต้องยอมให้เจ้าหน้าที่ขึ้นไปอยู่บนตึกสูง เพราะขณะนี้อยู่ในประกาศใช้กฎหมายในสถานการณ์ฉุกเฉิน


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์