“เด็จพี่”ฟ้องศาลเปิด“พีทีวี”

“พร้อมพงศ์” ฟ้อง “มาร์ค-เทพเทือก-ครม.” เปิดพีทีวี ระบุในฐานะผู้บริโภคข่าวสารได้รับความเสียหาย

ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 19 เม.ย. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เป็นจำเลยที่ 1-3 เรื่องละเมิด ขอให้เพิกถอนคำสั่ง
               
คำฟ้องสรุปว่า โจทก์เป็นผู้บริโภคข่าวสารทางพีเพิลชาแนล ที่แพร่ภาพออกอากาศจาก บริษัท ไทยคม จำกัด ซึ่งสถานีดังกล่าวมีสถานะเป็นสื่อมวลชน ต่อมาวันที่ 7 เม.ย.53 นายอภิสิทธิ์ จำเลยที่ 2 ได้ประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จากนั้นวันที่ 8 เม.ย.53 เจ้าหน้าที่ทหารประมาณ 2,000 คน ได้รับคำสั่งจาก ศอฉ.ไปปิดล้อม และเข้าไปภายในอาคารสถานีดาวเทียมไทยคม อ.ลาดหลุดแก้ว จ.ปทุมธานี โดยไม่แสดงหมายค้น และไม่ได้แสดงตน แต่ได้สั่งการลักษณะบังคับขู่เข็ญให้เจ้าหน้าที่สถานีไทยคม ยุติการส่งสัญญาณทางพีเพิลชาแนลโดยทันที ต่อมาได้มีการตัดสัญญาณแพร่ภาพออกอากาศในทุกระบบ และมีการตัดสัญญาณแพร่ภาพอีกครั้งวันที่ 10 เม.ย.53 หลังจากกลุ่มผู้ชุนนุม นปช.ได้รวมตัวกันเข้าไปในอาคาร เพื่อให้มีการเชื่อมต่อสัญญาณ เมื่อวันที่ 9 เม.ย.53 ซึ่งพีเพิลชาแนลไม่สามารถแพร่ภาพได้จนปัจจุบัน ทำให้โจทก์ และประชาชนที่รับชมข่าวสารได้รับความเสียหาย


ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย เป็นการละเมิดต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ตามมาตรา 45 ของรัฐธรรมนูญ ปี 50 และเป็นการละเมิดสิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา 61


โจทก์จึงขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงของนายอภิสิทธิ์ จำเลยที่ 2 ที่กระทำโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 7 เม.ย.53 และคำสั่งต่าง ๆ ที่ออกโดยประกาศดังกล่าว และขอให้ศาลยกเลิกคำสั่งของนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ที่สั่งยุติการแพร่ภาพออกอากาศพีเพิลชาแนล โดยให้นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ สั่งห้ามหน่วยงานของรัฐกระทำการที่จะเป็นอุปสรรคต่อการออกอากาศช่องพีเพิลชาแนล รวมทั้งให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวโดยให้นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพสั่งระงับ หรือตัดสัญญาณพีเพิลชาแนล และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องสั่งเชื่อมต่อสัญญาณแพร่ภาพ นับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาเป็นอย่างอื่น ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1389/2553.