ศอฉ.ลั่นต้องยึดคืนพื้นที่ราชประสงค์

วันนี้ ( 15 เม.ย.)ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) พ.อ.สรรเสริญ  แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. เปิดเผยว่า 

ขณะนี้กำลังฟื้นฟูกำลังเจ้าหน้าที่ และยุทโธปกรณ์เพื่อให้พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งเมื่อได้รับนโยบายจากรัฐบาล เราเตรียมการอย่างดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย แต่หากสูญเสียสังคมได้ตอบรับกระแสเหล่านั้นแล้ว ยืนยันว่าเราไม่อยากให้เกิดความสูญเสีย จะพยายามทำให้ดีที่สุดในการบังคับใช้กฎหมาย หากสูญเสียต้องให้น้อยที่สุด สังคมยอมรับได้ มีคำอธิบายที่ชัดเจน ปฏิบัติรอบคอบชี้แจงสังคมได้

“ตอนนี้สังคมตั้งคำถามว่า รัฐไม่ทำอะไรเลย จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ พอทุกคนรู้สึกกระแสสังคมตอบรับ เราจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อบังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้พื้นที่ปลอดภัยนำความสงบมาสู่บ้านเมือง มีคำถามต่อมาว่า แล้วจะไม่ให้เกิดความสูญเสีย ถือเป็นเรื่องไม่ตอบรับกัน ต้องดูให้เหมาะสมที่สุด ทั้งนี้ ก่อการร้ายคือ การใช้อาวุธสงคราม ไม่เปิดเผยตัวเองว่าเป็นใคร สามารถสร้างความสูญเสียผู้ชุมนุม หรือทหาร ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ มีการทำงานเป็นระบบ สร้างเหตุการณ์ตามสถานที่ต่างๆ เหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาน่าจะเชื่อมโยงถึง ดังนั้นวันพรุ่งนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ในฐานะผอ.ศอฉ.จะมาชี้แจงว่ามอบหมายให้ใครดำเนินการดูแลในการดำเนินการคดี”

เมื่อถามว่าการขอคืนพื้นที่อีกครั้งเป็นข้อเสนอ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ใช่หรือไม่

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่เป็นมติของผลการประชุม ศอฉ. โดยการปฏิบัติการจะมี ตำรวจ ทหาร ข้าราชการพลเรือน โดยทุกคนมีความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจ ส่วนกรณีที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช.ท้าให้โฆษกสาบานว่าคนที่ก่อเหตุยิงประชาชนไม่ใช่ทหาร

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ขอถามนายณัฐวุฒิ กลับไป วันนี้การสาบานยังใช้ได้หรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า กฎการใช้อาวุธในการปฏิบัติการยึดพื้นที่ราชประสงค์ จะใช้เหมือนเดิมหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ต้องมีความเข้มข้น เฉียบขาดขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่ทหารมีชีวิตมีเลือดเนื้อเหมือนกัน ดังนั้นการดำเนินการต้องสามารถปกป้องชีวิตเขาได้ ความพยายามเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจ พลเรือนทุกนายที่สังกัดใน ศอฉ.หากจะปฏิบัติภารกิจต้องคำนึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก ต้องการบังคับใช้กฎหมาย แต่ก็ต้องสามารถปกป้องชีวิตของตนเองได้ด้วย ทั้งนี้ ขอให้ดูขั้นตอนการปฏิบัติ มั่นใจทุกคนเข้าใจอธิบายได้ในทุกขั้นตอน


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์