สั่งฟ้องสนธิ ลิ้มทองกุลคดีหมิ่นฯ

"ฟ้องสนธิ เฉลียว"


เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ต.ค. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายวุฒิชัย นาถนิธิภูมิ อัยการจังหวัดประจำกรม สำนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล อายุ 58 ปี อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายเฉลียว คงตุก อายุ 45 ปี บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันดูหมิ่นพระมหากษัตรย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ความผิดตาม พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ.2484 มาตรา 4 และ 48 และคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ต.ค. 2519 ข้อ 1

คำฟ้องบรรยายความผิดสรุปว่า ก่อนเกิดเหตุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงใช้พระราชอำนาจบริหารราชการแผ่นดินทางคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยมีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2548 และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเงื่อนเวลายกเลิกกฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2548 ทรงลงพระปรมาภิไธย

"เข้ามอบตัว ให้การปฏิเสธ"


โดยพ.ต.ท.ทักษิณ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ และได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. 48 ซึ่งต่อมาวันที่ 23 มี.ค. 49 ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้เพิกถอนพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับ ดังกล่าว

โดยวันเวลาดังกล่าวจำเลยที่ 1 รู้อยู่แล้วว่าพระมหากษัตริย์ ไม่จำต้องรับผิดชอบในการตราพระราชกฤษฎีกานั้น ไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ แต่จำเลยที่ 1 บังอาจให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่เป็นการกล่าววาจาด้วยถ้อยคำจาบจ้วง ล่วงเกินเปรียบเปรยถึงพระมหากษัตริย์ เกี่ยวกับความรับผิดชอบในกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเพิกถอนพระราชกฤษฎีกาแปรรูปกฟผ. โดยการให้สัมภาษณ์นั้นมีพนักงานหลายคนของหนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก ที่มีจำเลยที่ 2 เป็นบรรณาธิการ ได้ร่วมกันเรียบเรียงข้อความที่จำเลยที่ 1 ให้สัมภาษณ์แล้วนำมาตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก วันที่ 24 มี.ค.49 หน้าที่ 18 โดยจำเลยทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน วันที่ 17 เม.ย. และ 28 เม.ย.49 ในชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

"ศาลรับฟ้องเป็นคดีดำ"


ทั้งนี้ ศาลประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีดำหมายเลข 3845/2549 ศาลสอบคำให้การจำเลยแล้วทั้งสอง ยืนกรานปฏิเสธ ศาลจึงนัดแถลงเปิดคดี วันที่ 27 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น. ต่อมานายสนธิ ยื่นหลักทรัพย์เป็นกรมธรรม์ประกันอิสรภาพ วงเงิน 200,000 บาท เพื่อประกันตัว ขณะที่นายเฉลียวใช้ตำแหน่งบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ยื่นประกันตัวออกไป

นายจิรพล วชิรไพศาล อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 กล่าวว่า สำนวนคดีดังกล่าวอัยการชุดก่อนมีนายสมบูรณ์ อัตนาถ อดีตอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบสำนวนคดี และมีความเห็นสั่งฟ้องไว้เรียบร้อยแล้ว ในสมัยรัฐบาลของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตนจึงต้องยื่นฟ้องไปตามนั้น ไม่สามารถรื้อสำนวนมาพิจารณาใหม่ได้

"ติดใจ ไม่มีการพูดถึงความผิด แม้ว"


ด้านนายสนธิ กล่าวว่าไม่รู้สึกอะไรมาก เพราะมีคดีที่ถูกฟ้องร้องในชั้นศาลมากมาย แต่ติดใจตรงที่คดีต่างๆ ไม่ได้มีการกล่าวถึงโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) เพราะเป็นเรื่องทางการเมือง ในวันนี้ต้องตั้งคำถามคมช.ว่า มีความชอบธรรมในการปฏิวัติครั้งนี้หรือไม่ เพราะไม่มีการพูดถึงความผิดของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเลย ทั้งนี้เดิมทีที่เข้ามาปฏิรูป ได้อ้างว่าเพราะเกิดความไม่ชอบธรรมในระบอบทักษิณ แต่วันนี้ยังไม่มีใครแจ้งความผิดที่พ.ต.ท.ทักษิณ เคยทำไว้

"ส่วนการที่รัฐบาลชุดนี้จะอยู่นานเกิน 1 ปี 5 เดือนหรือไม่นั้น เห็นว่าใครจะอยู่จะไปนั้นไม่สำคัญ แต่ ณ วันนี้เริ่มไม่มีความชอบธรรมเกิดขึ้นแล้ว และยิ่งมีกระแสข่าวว่าจะยกให้นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานสภานิติบัญญัติด้วยแล้ว ยิ่งชี้ให้เห็นว่าจะเป็นการกลับไปสู่การเมืองรูปแบบเก่าๆ ซึ่งวันนี้หากพ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาจริง ก็ต้องขึ้นกับคมช.จะดำเนินการอย่างไรกับอดีตนายกรัฐมนตรีคนนี้" นายสนธิ กล่าวในตอนท้าย ก่อนเดินออกจากศาล


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์