คมชัดลึก :มติกกต.ยุบพรรคปชป.คดีเงินบริจาค 258 ล้าน และ คดีเงินพัฒนาการเมือง 29 ล้าน เผย มติยุบปชป.ปธ.กกต.เป็นเสียงข้างน้อย ด้าน"วีระ" ประกาศชัยชนะ เสื้อแดงสะใจเฮลั่นราชประสงค์ ทั้งนี้มติกกต.พิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ 4 ต่อ 1 เสียง ในคดีเงินบริจาคเข้าพรรคประชาธิปัตย์ 258 ล้านบาท และมีมติเป็นเอก ฉันท์ 5 ต่อ 0 เสียงในคดีเงินกองทุนเพื่อพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาท การพิจารณาของกกต.เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะมีการพิจารณาในวันที่ 20 เมษายนนี้ อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตว่า ตามกฎหมาย การนำเสนอให้กกต.พิจารณานั้น นายทะเบียนพรรคการเมืองต้องทำความเห็นเสียก่อน แต่เหตุใด นายอภิชาตจึงเป็นเสียงข้างน้อย โดยเรื่องนี้ในขั้นตอนการนำเสนอนายอภิชาตระบุว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับข้อกฎหมาย และมีข้อเท็จจริงเบื้องต้นที่อาจมีมูล รวมถึงมีหลักฐานข้อมูลที่ซับซ้อน จึงเห็นควรให้ที่ประชุม กกต. ร่วมกันพิจารณาว่าสมควรเสนอศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคหรือไม่ ในที่สุด กกต.อีกสี่คนจึงมีมติให้เสนอศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาต่อไป
12เม.ย.) เวลา 18.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประชุมพิจารณาสำนวนคดีเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์ 258 ล้านบาท และการใช้เงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาทที่พรรคประชาธิปัตย์มีการได้รับและอาจดำเนินการผิดวัตถุประสงค์ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์โดยส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณาว่าจะส่งฟ้องหรือไม่ ก่อนจะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรค
นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการกกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ แถลงผลการประชุม กกต.วาระพิเศษ ว่า
ภายหลังจากนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้รับความเห็นกรณีคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาท และเงินกองทุนสนุบสนุนพรรคการเมือง 29 ล้านบาท ที่พรรคประชาธิปัตย์ถูกกล่าวหาว่าอาจกระทำการเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.พรรคการเมืองจากคณะทำงานของนายทะเบียนพรรคการเมืองในวันเดียวกันนี้ ที่ประชุม กกต.จึงได้พิจารณาทันที
นายธนิศร์ กล่าวต่อว่า
ที่ประชุมกกต.พิจารณาใน 2 ข้อกล่าวหาโดยข้อกล่าวหาแรกกรณีพรรคประชาธิปัตย์รับเงินบริจาคจากบริษัททีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ผ่านทางบริษัท เมซไซอะ บิสิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด เป็นจำนวนเงิน 258 ล้านบาท โดยทำสัญญาสื่อว่าจ้างทำสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่างๆเป็นนิติกรรมอำพราง เพื่อหลีกเลี่ยงการรายงานการรับบริจาคเงินตามที่กฎหมายกำหนดอาจเข้าข่าย กระทำผิดตามมาตรา 66 (2) (3) แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2541 และมาตรา 94 (3) (4) (5) แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2550 โดยที่ประชุมมีมติคะแนนเสียงข้างมากให้นายทะเบียนพรรคการเมืองแจ้งต่ออัยการสูงสุดพร้อมด้วยหลักฐาน เพื่อให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ต่อไปตามาตรา 95 ของกฎหมายพรรคการเมือง
นายธนิศร์ กล่าวว่า
ส่วนข้อกล่าวหาที่สอง กรณีมีผู้แจ้งข้อกล้าวหาว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ใช้จ่ายเงินที่ได้รับจากเงินกองทุนสนับสนุนพรรคการเมืองจากสำนักงาน กกต.ให้เป็นไปตามบทบัญญัติตามกฎหมายและการจัดทำการใช้จ่ายและการจัดทำการรายงานใช้จ่ายเงินสนับสนุนพรรคการเมืองไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ที่ยื่นต่อ กกต.อันเป็นการเข้าข่ายตามมาตาม มาตรา 62 และ 65 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง 2541 และมาตรา 82 และ 93 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2550 โดยที่ประชุม กกต.มีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยใช้มติเสียงข้างมากแจ้งต่ออัยการสูงสุดเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคประชาธิปัตย์ ตามมาตรา 95 ของพ.ร.บ.ประกอบรับธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2550
นายธนิศร์ กล่าวว่า
สำหรับขั้นตอนจากนี้กกต.ได้มอบให้นายทะเบียนพรรคการเมืองดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดตามความเห็นแจ้งต่ออัยการสูงสุด เมื่ออัยการสูงสุดได้รับเรื่องแล้วจะจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แต่หากเห็นว่าหลักฐานยังไม่เพียงพอก็ต้องแจ้งกลับมายังนายทะเบียน เพื่อตั้งคณะทำงานร่วมกัน แต่หากเห็นว่ายังไม่ได้ข้อยุติ นายทะเบียนพรรคการเมืองก็สามารถส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรง ทั้งนี้การพิจารณาของนายทะเบียนครั้งนี้ใน 2 ประเด็นก็เห็นว่า คดีดังกล่าวอาจมีการกระทำความผิดจึงเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญจึงส่งให้ที่ประชุม กกต.พิจารณา เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 2 ประเด็น
รายงานข่าวจาก กกต.แจ้งว่า
การยุบพรรคประชาธิปัตย์ แบ่งเป็นสองกรณี คือ 1.กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ที่ พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่าจ้างบริษัท แมสไซอะ บิซสิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ ซึ่งอาจข้าข่ายนิติกรรมอำพรางนั้น ในกรณีนี้มีมติ เป็น 4 ต่อ 1 สมควรเสนออัยการสูงสุดเพื่อส่งต่อให้ศาลรัฐธรรนูญพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยเสียงข้างน้อยหนึ่งเสียง นั้นคือ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. และนายทะเบียนพรรคการเมืองโดยตำแหน่ง
สำหรับกรณีที่สองนั้น เป็นกรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท กกต.แม้จะมีมติเป็นเอกฉันท์เห็นควรพิจารณายุบพรรค แต่ในข้อเท็จจริงนั้นยังมีความเห็นต่างกันในรายละเอียด เพราะกรรมการบางคนเห็นว่าเรื่องดังกล่าวกกต.สามารถเสนอให้ศาลรัฐธรมนูญพิจารณาได้โดยตรง ตามกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 93 อีกทั้งเห็นว่าเรื่องดังกล่าวหากส่งอัยการอาจทำให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนได้ เพราะเป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายที่ กกต.มีอำนาจและเป็นผู้ทีดูแลแต่ต้น แต่ท้ายที่สุดแล้ว กกต.ก็มีมติให้เสนออัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาความเรียบร้อย หากอัยการสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นอำนาจของ กกตง ก็จะแจ้งมา แต่หากเห็นว่าถูกต้องตามขั้นตอนกคงจะเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตามกระบวนการต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ในเบื้องต้นวันนี้กกต. ยังไม่มีวาระพิจารณาเรื่องดังกล่าว มีแต่เพียงนัดกันเพื่อหารือนอกรอบถึงความคืบหน้า แต่เมื่อประชุมในช่วงเช้า ก็มีผู้ถามถึงความคืบหน้า ซึ่งประธานกกต.แจ้งว่าคณะทำงานได้พิจารณาเสร็จแล้วกกต.ผู้อื่นจึงถามว่าสามารถพิจารณาวันนี้ได้หรือไม่ โดยประธาน กกต. ก็รับว่าสามารถนำเข้าพิจารณาได้เลยจึงมีการนัดลงมติในเวลา 15.00 น. และมีมติดังกล่าวออกมา
มติ4:1ยุบประชาธิปัตย์ปธ.เสียงข้างน้อย
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!


กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday