...สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ได้มีการออกแถลงการณ์ร่วม เรื่อง การสั่งปิดสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมและเว็บไซต์ ว่า ตามที่รัฐบาลอ้างอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในการปิดกั้นสัญญาณสถานีโทรทัศน์พีทีวี รวมทั้งปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาข่าวสารความคิดเห็นทางการเมือง เช่นเว็บไซต์ www.prachatai.com นั้น
องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนได้หารือร่วมกันแล้ว มีความเห็นดังต่อไปนี้
1. การปิดกั้นสัญญาณของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีทีวี และการปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ที่แสดงความคิดเห็นดังกล่าว เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 45 ที่บัญญัติว่า “การสั่งปิดกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่น เพื่อลิดรอนเสรีภาพตามมาตรานี้ จะกระทำมิได้” ทั้งนี้ รัฐบาลจะสามารถใช้กฎหมายพิเศษเพื่อจำกัดเสรีภาพของสื่อมวลชนได้ ก็เพียงการห้ามเสนอข่าวสารหรือแสดงความคิดเห็นทั้งหมดหรือบางส่วนเท่านั้น
2. การที่รัฐบาลกล่าวอ้างว่า การดำเนินการปิดกั้นสัญญาณและการปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ดังกล่าว เพื่อป้องกันการบิดเบือนข่าวสาร ทำให้ประชาชนไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง ขณะที่รัฐบาลเองยังใช้สถานีวิทยุโทรทัศน์ของรัฐในการเสนอรายการที่มีลักษณะนำเสนอข้อมูลด้านเดียว อีกทั้งยังปล่อยให้สถานีวิทยุและโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมอื่นๆ นำเสนอเนื้อหาในลักษณะใกล้เคียงกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ความแตกแยกในสังคมมากขึ้นนั้น ย่อมเป็นการกระทำที่รัฐบาลอาจถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็น “สองมาตรฐาน” และสร้างความชอบธรรมแก่ผู้ชุมนุมมากขึ้น
3. การปิดกั้นสื่อในลักษณะนี้ ย่อมเป็นการปิดกั้นสิทธิการรับรู้ข่าวสารของประชาชน จึงอาจทำให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกั้นสื่อดังกล่าว ออกมาเข้าร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุมมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้สถานการณ์มีความซับซ้อนและอาจนำไปสู่ความรุนแรงได้
4. องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ขอเรียกร้องให้สื่อมวลชนทุกแขนง ทำหน้าที่รายงานข่าวสารที่เกิดขึ้นในขณะนี้ด้วยความครบถ้วนรอบด้าน โดยนำเสนอความจริงและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นด้วยการคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน และระมัดระวังการนำเสนอข่าวที่อาจนำไปสู่การใช้ความรุนแรงในการยุติปัญหา
เช่นเดียวกับแถลงการณ์เครือข่ายสันติประชาธรรม ที่ระบุว่า
1.รัฐบาลต้องตระหนักว่าการชุมนุมที่บริเวณราชประสงค์เป็นการใช้สิทธิการชุมนุมโดยชอบตามรัฐธรรมนูญ ผู้ชุมนุมไม่มีอาวุธและส่วนใหญ่ยังใช้เสรีภาพในกรอบของรัฐธรรมนูญ รัฐบาลไม่มีสิทธิปราบปรามหรือสลายการชุมนุม
2. กลุ่มนปช.ต้องยึดมั่นกับการชุมนุมตามแนวทางสันติวิธีอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงการดำเนินกิจกรรมใดๆ ที่จะเป็นเงื่อนไขนำไปสู่ความรุนแรง
3. รัฐบาลและนปช.จะต้องกลับสู่โต๊ะเจรจาโดยเร็วที่สุด การสานต่อการเจรจาเท่านั้นที่จะช่วยยับยั้งไม่ให้เลือดนองแผ่นดิน
4. รัฐบาลต้องเคารพเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของกลุ่ม นปช. โดยการยุติการปิดสถานีวิทยุ โทรทัศน์ หรือเว็บไซต์ที่เผยแพร่ความคิดเห็นโดยสุจริตของกลุ่มผู้ชุมนุมและประชาชนทั่วไปโดยทันที ขณะนี้การปิดการสื่อสารดังกล่าวโดยรัฐบาลเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ไม่ได้สัดส่วนกับข้อเท็จจริงและกระทบต่อสาระสำคัญแห่งสิทธิที่รัฐธรรมนูญรับรองทั้งหมดคือข้อเท็จจริงที่ควรรับฟัง
ขอบคุณเนื้อข่าวจาก บางกอกทูเดย์