ไม่น่าแปลกเท่าไหร่ที่เห็นรายชื่อ ผู้อำนวยการศูนย์แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ.จะเป็น “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกรัฐมนตรี แทนที่จะเป็น ชื่อ “บิ๊กป็อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ซึ่งคุมกำลังทหารที่ถือเป็นกำลังหลักที่จะเข้าคลี่คลายสถานการณ์ตามการประกาศใช้พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิก หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้มีกระแสข่าวออกมาหนาหูว่า...สาเหตุที่ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายสุเทพ เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เนื่องจาก “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” ผู้บัญชาการทหารบกอ (ผบ.ทบ.) ต้องการให้อำนาจผู้รับผิดชอบการดำเนินการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ครั้งนี้เป็นฝ่ายการเมือง เพราะทหารเป็นเพียงผู้ปฏิบัติตามคำสั่งรัฐบาล ดังนั้น...หากเกิดความผิดพลาดหรือเกิดการสูญ
เสีย ฝ่ายการเมืองต้องเป็นผู้รับผิดชอบตามกฎหมาย ทำให้นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งนายสุเทพ เป็น ผอ.ศอฉ. รับผิดชอบทั้งหมด ส่วนการปฏิบัติจะเป็นการประสานการทำงานระหว่าง “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับ พล.อ.อนุพงษ์ เพื่อสั่งกำลังทหารในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ อำนาจดังกล่าวเป็นการดำเนินการเหมือนสมัยที่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อเดือนเมษายนปี 2552 ที่ผ่านมา ซึ่งมอบหมายให้นายสุเทพ เป็น ผอ.ศูนย์
ดังกล่าวเช่นกัน เมื่อดูบทเรียนในอดีตที่ นายตำรวจ 4 คน ถูกสั่งพักราชการเพราะสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 แล้วนี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผบ.ทบ.ที่เหลือเวลาในเก้าอี้เพียง 5 เดือน อย่าง “บิ๊กป็อก”ต้องถอยเพื่อเปิดทางฝ่ายการเมืองรับผิดชอบโดยตรงขณะเดียวกันการประกาศใช้พรก.ฉุกเฉินในครั้งนี้ ยังเป็นการวัดใจ “บิ๊กทหาร” จะกล้าใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมหรือไม่? เพราะจากบทเรียนเมื่อ 7 ตุลาฯ 51 ยังเป็น
แผลที่ทหารไม่กล้าที่จะเสี่ยงนอกจากนี้ การที่รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ในมือ พร้อมกับติดดาบให้ทหารสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มอัตราศึกนั้น ยังจะเป็นการหลบข่าวลือที่ว่า...ทหารและรัฐบาล เริ่มมีรอยร้าวในการคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมืองโดยฝ่ายการเมืองไม่ต้องการให้ผู้ชุมนุมสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมากไปกว่านี้ จนมีข่าวลือว่า ตี 4 วันที่ 6 เม.ย.จะมีการสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ แต่นายหทารบางคนเห็นว่าการกระทำดังกล่าวอาจถูกฟ้อง
ร้องภายหลังดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และฝ่ายการเมืองก็ไม่สามารถช่วยทหารที่รับผิดชอบการสลายผู้ชุมนุมจึงไม่แปลกที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม จะออกมาปฏิเสธข่าว “เกาเหลาชามเล็ก”บนโต๊ะประชุมศอ.รส.ด้าน “นายปณิธาน วัฒนายากร” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การระบุว่าทหารไม่เห็นด้วยในการจับกุมตัวแกนนำนั้น ถือเป็นเรื่องไม่จริง เพราะหากพบว่าใครทำผิดกฎหมายก็
ต้องดำเนินการ “การแถลงข่าวของนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้อำนวยการศูนย์แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ร่วมกับผู้บัญชการเหล่าทัพ ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ดีว่า ทหารกับรัฐบาลยังคงทำงานร่วมกันได้ดี”นั้นคือส่วนหนึ่งที่รัฐบาลออกมายืนยัน แต่ถึงแม้จะขบเหลี่ยมกันบ้างในยามที่บ้านเมืองคับขันเช่นนี้ แต่สุดท้ายทหารที่อุ้มชูรัฐบาลชุดนี้ขึ้นมาก็ต้องทำใจรับกับสภาพที่ยังเป็นอยู่เช่นนี้ต่อไป!
ขอบคุณเนื้อข่าวจาก บางกอกทูเดย์