ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน มีโทษจำคุก
ต่อมา เมื่อเวลา 22.00 น. ศอฉ. ได้ออกประกาศกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ใน
พื้นที่ 6 จังหวัด ทั้งนี้ เป็นการออกตามความใน พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินฯ ผู้ใดขัดขืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี
ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
-------------------------------------------------
ประกาศศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เรื่อง ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุม
ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี อำเภอเมืองสมุทรปราการ อำเภอบางพลี อำเภอพระประแดง อำเภอพระสมุทรเจดีย์ อำเภอบางบ่อ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ อำเภอธัญบุรี อำเภอลาดหลุมแก้ว อำเภอสามโคก อำเภอลำลูกกา และอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี อำเภอพุธมณฑล จังหวัดนครปฐม และอำเภอวังน้อย อำเภอบางปะอิน อำเภอบางไทร และอำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2553 แล้วนั้น
เนื่องจากมีความจำเป็นต้องกำหนดการห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุม เพื่อให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติได้โดยเร็วและป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงมากขึ้น อาศัยอำนาจตามข้อ 1 แห่งข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงออกประกาศกำหนด ดังนี้
ข้อ 1 ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป หรือกระทำการใดอันเป็นการยุยง ให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง อันมีลักษณะดังต่อไปนี้
(1) กีดขวางการจราจรจนไม่อาจใช้สัญจรได้ตามปกติ
(2) กีดขวางทางเข้าออกของอาคารหรือสถานที่ อันเป็นการขัดขวางการปฏิบัติงาน การประกอบกิจการ หรือการใช้ชีวิตโดยปกติสุขของประชาชนโดยทั่วไป
(3) มีการประทุษร้ายหรือใช้กำลังอันทำให้ประชาชนเดือดร้อนเสียหาย และเกรงกลัวอันตราย ที่อาจเกิดขึ้นต่อชีวิต ร่างกายและทรัพย์สิน
(4) ขัดขืนคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งการเกี่ยวกับการชุมนุมเพื่อให้เป็นไปโดยสงบ และไม่เกิดความเดือดร้อนต่อประชาชน
ข้อ 2 ผู้ใดฝ่าฝืนข้อห้ามตามประกาศนี้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
ข้อ 3 ให้ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ชั้นสัญญาบัตร หรือเทียบเท่าเป็นผู้ดำเนินการตามประกาศนี้
ข้อ 4 ประกาศกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปประกาศ
ณ วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2553
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี
หัวหน้าผู้รับผิดชอบ
-------------------------------------------------
ฝ่ายมั่นคงฯ เสนอสลายม็อบแต่ไม่ได้ข้อยุติ
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ ที่ประชุม ศอฉ.ได้หารือถึงมาตรการดำเนินการกับผู้ชุมนุมเสื้อแดงทั้งแยกราชประสงค์และสะพานผ่านฟ้าฯ โดยคณะกรรมการจากหลายหน่วยงานต่างเสนอวิธีการสลายการชุมนุม อาทิ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) ขณะที่ฝ่ายทหารระบุว่าสามารถทำได้ แต่ต้องประเมินว่าการเข้าไปนั้น ต้องให้มีการสูญเสียน้อยที่สุดหรือไม่มีการสูญเสียเลย เพราะหากเกิดการสูญเสียขึ้นจะทำให้เป็นเงื่อนไขที่เพิ่มเชื้อให้กับการชุมนุมได้ และเมื่อนายสุเทพถามความเห็นว่า มีหน่วยงานใดมีความเห็นอย่างไรบ้าง แต่ไม่มีใครเสนอข้อยุติหรือทางออกว่าจะจัดการอย่างไร ทำให้ข้อเสนอนี้ในการสลายการชุมนุม ยังไม่ได้รับการเสนอเป็นมติของที่ประชุม และต้องตกไป
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมยังประเมินว่าขณะนี้จำนวนผู้ชุมนุมเริ่มมีทิศทางว่าจะน้อยลงไปเรื่อย จึงให้เจ้าหน้าที่จับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหากช่วงเวลาใดประเมินว่า กลุ่มผู้ชุมนุมมีจำนวนน้อย และจะไม่ปะทะกันรุนแรงระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าดำเนินการจับกุมแกนนำกลุ่มเสื้อแดงทั้งหมด และเหล่าบรรดาฮาร์ดคอร์ทันที ซึ่ง ศอฉ.กำลังจะขอศาลออกหมายจับอยู่
"คาดว่าจะมีการจับกุมและเคลียร์พื้นที่แยกราชประสงค์และสะพานผ่านฟ้าฯก่อนที่จะถึงช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์นี้ เนื่องจากเกรงว่าในช่วงวันหยุดจะมีผู้ชุมนุมเดินทางมาร่วมชุมนุมจำนวนมาก จะทำให้เจ้าหน้าที่ยากต่อการดำเนินการ" แหล่งข่าวกล่าว
ปธ.สภาสูงคาดจบก่อน13เม.ย.
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า กลุ่มเสื้อแดงบุกรัฐสภาถือเป็นการชุมนุมที่ไม่สงบ เพราะมีการบุกรุกเข้ามาสถานที่ราชการ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก และคิดว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่รัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งถือว่ายังไม่สายเกินไป เมื่อถามถึงความจำเป็นที่ต้องสลายการชุมนุม นายประสพสุขกล่าวว่า รัฐบาลต้องประเมินสถานการณ์ที่เป็นภัยคุกคาม ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าจะเกินวันที่ 13 เมษายนนี้ เหตุการณ์คงจะจบลง
ขณะที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลพยายามใช้วิธีการที่ไม่เสี่ยงจะทำให้เกิดการปะทะกัน แต่ต้องเข้าใจด้วยว่า นายกรัฐมนตรีพยายามไม่ให้เกิดความสูญเสีย ทางไหนที่จบได้โดยไม่เกิดการเผชิญหน้ารุนแรง และกฎหมายได้รับการปฏิบัติก็น่าจะทำ