เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 8 เม.ย. ที่ห้องประชุมนิคม ตึกอเนกประสงค์ 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กลุ่มนักวิชาการที่ยืนยันความถูกต้องต่อสังคม “คัดค้านความรุนแรงที่ไร้สติ ต่อต้านการยุบสภาที่ไร้เหตุผล เร่งปฏิรูปการเมือง เพื่อเป็นทางออกต่อสังคม” นำโดยน.พ.ประมวล วีรุตมเสน น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายสุรชัย ศิริไกร นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายทวี สุรฤทธิกุล อาจารย์สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ฯลฯ ร่วมแถลงข่าว
โดยนายสมชัย กล่าวว่า การรวมตัวกันเฉพาะกิจภายใน 24 ชม. โดยการติดต่อสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ต เอสเอ็มเอส ได้นักวิชาการ 303 คน ที่เห็นตรงกันว่าสถานการณ์บ้านเมืองกำลังน่าห่วง และจำเป็นต้องแสดงจุดยืนทางสังคม โดยคณาจารย์ 303 คน ประกอบด้วย ศาสตราจารย์ 17 คน รองศาสตราจารย์ 111 คน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ 53 คน อาจารย์ นายแพทย์ แพทย์หญิง ทั้งที่จบปริญญาตรี โท และเอก 100 คน และบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่ทางวิชาการและนักวิชาการอิสระ 22 คน จากจากมหาวิทยาลัยภาครัฐและเอกชน 14 แห่ง ประกาศจุดยืนร่วมกันทางการเมือง เนื่องจากมีนักวิชาการกลุ่มหนึ่งออกมาแสดงความเห็นให้ยุบสภาใน 3 เดือน คนอาจคิดว่าเป็นความเห็นของนักวิชาการส่วนใหญ่ได้
นายสมชัย กล่าวว่า กลุ่มนักวิชาการ 303 คน ขอประกาศจุดยืนว่า
1.การชุมนุมทางการเมืองเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่การกระทำผิดกฎหมายก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อสาธารณะ เป็นสิ่งที่สังคมควรประณาม
2.ข้อเรียกร้องเพื่อให้เกิดการยุบสภา เป็นข้อเรียกร้องที่ปราศจากเหตุผลอันควร การกะเกณฑ์คนมาสร้างความเสียหาย เพื่อหวังผลในเชิงการเมือง เป็นเรื่องที่รัฐบาลไม่จำเป็นต้องรับฟัง หรือต้องเจรจาด้วย เพราะจะเป็นแบบอย่างให้กลุ่มอื่นซึ่งมีกำลังเหมือนกันใช้วิธีการนี้มาดำเนินการได้เช่นกัน
3.รัฐบาลมีหน้าที่รักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างสังคมให้คืนสู่ปกติสุขโดยเร็วก่อนที่บ้านเมืองจะเสียหายไปมากกว่านี้ และ4.การปฏิรูปทางการเมืองและสังคม โดยระดมความเห็นจากทุกภาคส่วนมามองปัญหาที่เกิดขึ้น และร่วมกันออกแบบกลไกเพื่อปฏิรูปการเมืองและสังคม เป็นภารกิจสำคัญสูงสุดที่รัฐบาลต้องทำด้วยความจริงใจเพื่อพิสูจน์ว่ารัฐบาลตั้งใจแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
ขณะนี้มีนักวิชาการที่แสดงความประสงค์เข้าร่วมกับกลุ่มเพิ่มอยู่ตลอดเวลา เกิน 303 คนแล้ว โดยนักวิชาการที่เห็นว่าการยุบสภาไม่ใช่ทางออกในการแก้ปัญหาขณะนี้ อยากให้รัฐบาลและทุกฝ่ายมาร่วมรุกแก้ทางการเมืองจริงจังโดยไม่ใช้ความรุนแรง ส่งเอสเอ็มเอสมาแสดงจุดยืนได้ที่ 089 153 1541 อย่างไรก็ตามกลุ่มได้ประสานกับนักวิชาการสันติประชาธรรมที่ยังเห็นไม่ตรงกันเรื่องยุบสภา เรื่องนี้ก็ต้องพูดคุยกัน แต่เราแค่อยากเป็นเสียงหนึ่งที่สะท้อนความนึกคิดของสังคม เสนอสิ่งที่ถูกต้องออกไปไม่คำนึงว่าจะถูกใส่ร้ายป้ายสีว่าเป็นพวกใคร เพราะเราห่วงชาติ นักวิชาการกว่า 303 คน จะผลักดันในสิ่งที่เราจะทำได้ในทุกพื้นที่
“เราไม่อยากให้ทหารไปทำร้ายประชาชน แต่พลังทหารดูแลความสงบสุขได้ ที่ผ่านมาทหารทำได้ดี แต่แค่เพียงดูแลตัวเองเท่านั้น ไม่ได้ดูแลประชาชน เช่น เสื้อแดงจะไปปิดราบ 11 ทหารก็แสดงพลังชัดเจนว่าเข้าไม่ได้ แต่ผิดหวังกับกองทัพในการดูแลประชาชน ผมไม่ใช่จะยุให้ปฏิวัติหรือ รัฐประหาร แต่พลังทหารทำให้สังคมสงบสุขได้”นายสมชัย กล่าว
น.พ.ประมวล กล่าวว่า ตนอยากให้สังคมทุกหมู่เหล่าให้ความเป็นธรรม ใครกระทำผิดกฎหมายก็ต้องให้ศาลตัดสิน การกระทำที่ใช้สีมาละเมิดสิทธิผู้บริสุทธิ์ ขอให้ยุติการกระทำเถิด เพราะสังคมยอมรับไม่ได้ คนกทม.และคนอื่นๆ เดือดร้อน นักวิชาการก็ไม่ได้ดีอะไร แต่เราเป็นผู้สั่งสอนที่ต้องเน้นคุณธรรม เราไม่ควรแก้ปัญหาบ้านเมืองระยะสั้นให้ผ่านไปเท่านั้น แต่ต้องปฏิรูปการเมือง ซึ่งตนฟังมาเยอะ เหมือนพายเรือวนในอ่าง เมื่อใดเราจะตั้งต้นกันได้
พล.อ.สายหยุด เกิดผล ประธานองค์กรกลางฯ และพีเน็ต กล่าวว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นไม้สุดท้ายว่ารัฐบาลควรทำอย่างใดอย่างหนึ่ง พ.ร.ก.ใช้ทหารได้ โดยไม่ใช้ความรุนแรงไม่ใช้ปืน แต่ใช้วิธีการโชว์กำลังที่แท้จริงที่ประชาชนหวาดกลัวและเคารพนับถือ รวมทั้งต้องให้ผู้มีอำนาจไปเจรจากับผู้ที่ฟังเหตุผล จะทยอยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ วันนี้มีข่าวทหารกับรัฐบาลไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอีก ซึ่งศอฉ.เป็นผู้ให้นโยบาย แต่ผู้ใช้กำลังที่แท้จริง คือ รมว.กลาโหม ผบ.ทบ.ยังไม่เห็นออกมาพูด ทั้งนี้ปัญหาแท้จริงที่เป็นต้นตออยู่ที่การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรม ที่นำมาสู่ความวุ่นวายทั้งในยุโรป อเมริกาก็เคยเกิดปัญหามาก่อน ของไทยอมาตยาธิปไตย กับธนาธิปไตย อย่าบิดเบือนเลยว่าใครเป็นประชาธิปไตยกว่ากัน เพราะหากจะเป็นประชาธิปไตยจริงต้องมาจากภาคพลเมือง
“ผมก็อยากถามว่ารมว.กลาโหม กลัวอะไร ถึงยังไม่ยอมทำอะไร ถ้าผมอยู่ในทหาร ไม่ทำอะไร ประชาชนไม่พอใจก็ปลดผมเลย วันนี้อยากรู้ว่ามีการมอบอำนาจทหารให้ใครดูแล รมว.กลาโหม หรือผบ.สส. หรือผบ.ทบ.ที่เป็นตัวปฏิบัติอยู่ที่ไหนไม่เห็นออกมาทำอะไรเลย”พล.อ.สายหยุดกล่าว