เมื่อวันที่ 7 เมษายน หลังจากมีการประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงเทพฯและพื้นที่ใกล้เคียง สำนักข่าวต่างประเทศพากันรายงานข่าวนี้เป็นข่าวด่วนออกไปทั่วโลก
โดยส่วนใหญ่เชื่อมโยงประกาศครั้งนี้กับการที่ผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงบุกเข้าไปในพื้นที่อาคารรัฐสภาในวันเดียวกันนี้ ซึ่งถือกันว่าเป็นเหตุการณ์ที่ลุกลามรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่มีการชุมนุมเดือนเศษที่ผ่านมา ทั้งเอเอฟพีและรอยเตอร์ระบุตรงกันว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินทำให้การชุมนุมเกินกว่า 5 คนเป็นการกระทำผิดกฎหมาย นอกจากนั้นยังส่งผลทางการมีอำนาจกว้างขวางมากขึ้นในการควบคุมฝูงชน อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรียืนยันว่าจะยังไม่มีการใช้กำลัง เอเอฟพีระบุด้วยว่า การประกาศครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่ปี 2551 ที่มีการประกาศภาวะฉุกเฉินในเขต กทม. เพราะปัญหาทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้รายงานรอยเตอร์ระบุถึงสถานการณ์การชุมนุมในประเทศไทย ว่า นักวิเคราะห์ทั้งหมดเห็นตรงกันว่า ทางออกเดียวที่รัฐบาลมีอยู่ในเวลานี้ก็คือ การเดินหน้าหาทางเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมเท่านั้น แต่ก็เชื่อเช่นกันว่ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่มีวันตกลงรอมชอมด้วย
ทั้งนี้ นายทักษ์ เฉลิมเตียรณ นักวิชาการไทยในมหาวิทยาลัยคอร์เนล สหรัฐอเมริกาตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ชุมนุมอ้างความชอบธรรมบางส่วนมาจากความไม่พอใจของชาวบ้านในชนบทและชนชั้นล่างในเมือง
แต่ในเวลาเดียวกันก็เสี่ยงต่อการสูญเสียการสนับสนุนหากยังคงมีการปิดการจราจรและบังคับให้ห้างสรรพสินค้าและโรงแรมต่างๆ ต้องปิดดำเนินการอย่างเช่นที่เป็นอยู่ เพราะการดำเนินการทำนองนี้จะส่งผลเสียกลับคืนสู่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ ความเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับความเห็นของ นายโจชัว เคอร์ลันท์ซิค นักวิชาการจากสถาบันคาร์เนกี เอ็นดาวน์เมนท์ ที่ระบุว่าการกระทำดังกล่าวจะทำให้ชาวบ้านในกรุงเทพฯโกรธถึงขนาดกราดเกรี้ยวเอาได้ และเชื่อว่าผู้ชุมนุมคงไม่ต้องการสูญเสียการสนับสนุนจากคนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ใช้แรงงานในกรุงเทพฯที่ได้รับผลกระทบตามไปด้วย
รอยเตอร์อ้างคำให้สัมภาษณ์ของนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีคลังด้วยว่า การประท้วงที่ยืดเยื้อจะส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ
ทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจต่ำลงกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์เอาไว้ที่ 4.5 เปอร์เซ็นต์มาก และอาจทำให้การเตรียมประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยต้องล่าช้าออกไปอีกด้วย ถ้าหากมีการประท้วงต่อไปอีก 1 เดือน อาจเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ไม่เพียงแต่เศรษฐกิจของประเทศรับไม่ได้เท่านั้น คนกรุงเทพฯก็รับไม่ได้ด้วยเช่นเดียวกัน