สำหรับบรรยากาศการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดง ที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ เมื่อเวลา 21.00 น.
วันที่ 7 เมษายน บรรยากาศเริ่มตึงเครียด แกนนำสั่งการ์ดมารักษาความปลอดภัยให้แกนนำ โดยยืนคล้องแขนรอบเต๊นท์แกนนำและสื่อมวลชน จากนั้นนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. ขึ้นปราศรัยบนเวที ปลุกมวลชนตลอดเวลาให้สู้เคียงคู่กับคนเสื้อแดง
"ผมขอแจ้งไปยังทหารที่จะออกมาปฏิบัติหน้าที่ภารกิจของท่านกำลังจะเข่นฆ่าประชาชนท่านรบเพื่อใคร ถ้าเป็นการรบข้าศึกที่มารุกรานประเทศเพื่อปกป้องแผ่นดินของเรา ครั้งนี้ท่านจะต้องเข่นฆ่าประชาชนที่เป็นคนไทยเหมือนกับท่าน ท่านกล้าถามหัวใจตัวเอง ประชาชนตาย แต่อภิสิทธิ์อยู่ ออกมาอยู่เคียงข้างประชาชนและให้อภิสิทธิ์ยุบสภา ก็จะไม่มีใครตาย คืนนี้หรือเช้านี้จะเป็นเดิมพันว่าอนาคตของคนเสื้อแดงกับนายอภิสิทธิ์ ทรราชย์ของประเทศ"
จากนั้นเมื่อเวลา 17.30 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองประธาน แนวร่วมประชาชนขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ขึ้นปราศรัยว่า ทันทีที่รัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยกระดับถึงขั้นปราบปรามประชาชนแล้ว เมื่อเขายกระดับ เราก็ควรยกระดับการต่อสู้เช่นเดียวกันอย่าว่าแต่อยู่ถึง 15 วันเลย แค่ 1 วันรัฐบาลนี้ก็อยู่ไม่ได้
นายจตุพร กล่าวว่า กรณีที่นายสุเทพ เตรียมการนำกำลังทหารจากปราจีนบุรี กาญจนบุรี เพื่อการสลายม็อบ ไปพักไว้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
การกระทำเช่นนี้คล้ายกับกรณีนายเนวิน ชิดชอบ นำเจ้าหน้าที่ ไปใส่เสื้อน้ำเงิน แล้วไปเตรียมการที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขอให้พี่น้องผ่านค่ำคืนนี้ และวันพรุ่งนี้(8เมษายน)ไปให้ได้ แล้วพร้อมกันปิดเกมในวันที่ 9 เมษายน พร้อมฉลองสงกรานต์กันที่นี่ ทั้งนี้ตนไม่อยากไปสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ถ้ามีความจำเป็นก็จะไปสนามบิน เพื่อขอตรวจค้นโกดัง เพื่อขับไล่ทหารออกจากสนามบิน
จากนั้นเมื่อเวลา 18.10 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อโทรทัศน์ทุกช่องได้ถ่ายทอดสดการแถลงข่าวการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของนายอภิสิทธิ์ นายณัฐวุฒิ และนายจตุพร พร้อมด้วยแกนนำคนอื่นๆ ต่างมุงดูและรับฟังการแถลงข่าว โดยมีสีหน้าเคร่งเครียด โดยเฉพาะนายจตุพร ส่ายหน้าทุกครั้งที่นายอภิสทธิ์ กล่าวจบประโยค
จากนั้นในเวลา 18.15 น. นายณัฐวุฒิ กล่าวปราศรัยบนเวทีว่า ขณะนี้รัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเรียบร้อย
โดยให้นายสุเทพ เป็นผู้สั่งการ นี่เป็นครั้งแรก ที่การประกาศนี้มีประชาชนมากันมากมาย ไม่มีอาวุธ ขณะที่รัฐบาลมีอาวุธ เลยประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จากนี้ขอให้ออกมาต่อสู้กันนี่คือยกสุดท้าย สู้ด้วยสันติวิธี จะต้องชนะด้วยมือเปล่าที่จะต่อสู้กับปลายกระบอกปืน ใช้หัวใจสีแดงต่อสู้กับอำนาจอยุติธรรม ใครใกล้ผ่านฟ้า ไปผ่านฟ้า ใครใกล้ ราชประสงค์ไปราชประสงค์ จะเป็นอย่างไรก็เป็นกัน ขอให้ออกมากันเยอะๆ
นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขอให้พี่น้องใกล้ถานที่ชุมนุมที่ไหน ให้ไปที่นั่น ขณะที่พี่น้องที่อยู่ตามจังหวัดก็ขอให้ไปพร้อมกันที่ศาลากลางจังหวัด ตายเป็นตาย ประชาชนจงเจริญ
นายวีระ ขึ้นปราศรัยบนเวทีว่า ใครสันติ อหิงสา ใครกระหายเลือด ก็จะได้รู้กันแล้ว เราจะได้ทรราชย์รายใหม่ คืออภิสิทธิ์กับสุเทพ
นี่เป็นชัยชนะของคนเสื้อแดง ถือว่าพวกเราชุมนุมไม่ได้กลัวความร้อนความหนาว ชุมนุมอย่างสงบ ทำให้รัฐบาลต้องประกาศ พรก.ฉุกเฉิน รัฐบาลเผยธาตุแท้ไม่อาจทนต่อสภาพการต่อสู้ของคนเสื้อแดงที่ชุมนุมอย่างสงบแบบนี้ต่อไปได้การประกาศภาวะฉุกเฉินไม่มีมูลเหตุอันสมควรถือว่าผิดรัฐธรรมนูญ การประกาศภาวะฉุกเฉินก็เพราะ พรบ.ความมั่นคงไม่อาจยับยั้งการชุมนุมของคนเสื้อแดงต่อไปได้
นายวีระกล่าวอีกว่าคนเสื้อแดงไม่ต้องกลัวทำใจให้สบาย พวกเรามีหน่วยสันติวิธีคอยดำเนินการอยู่หากมีการสลายการชุมนุมเกิดขึ้นและให้ระวังอาจจะมีคนไม่หวังดีนำอาวุธมาซุกซ่อนให้กับเรา และแกนนำทุกคนจะอยุ่กับพวกเราไม่ไปไหน ขอให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ไม่มีหนทางที่จะทำลายคนเสื้อแดงได้ และไม่อาจทำลายคนเสื้อแดงให้หมดไปจากประเทศนี้ได้
ต่อมาเมื่อเวลา 19.30 น.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมคนใดที่มีรถส่วนตัว หรือกลุ่มใดมีรถขอให้มารวมตัวกันที่รถบริเวณทางออกของแต่ละด้าน เช่น ถนนราชดำริ ถนนสุขุมวิท ถนนพระราม 1 ฯลฯ ขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมไปรวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมบางอย่างซึ่งจะต้องรอคำสั่งต่อไป