ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การชุมนุมใหญ่เมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา
ที่ม็อบเสื้อแดงเผชิญหน้าและปะทะกับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร เมื่อวันที่ 6 เมษายน นับเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างตึงเครียด เนื่องจากฝ่ายรัฐบาลส่งกำลังเข้าไปตั้งจุดสกัดประชิดแยกราชประสงค์ เพื่อสกัดการเคลื่อนทัพทั่วกรุงเทพฯ
ต่อจากนี้ไปเป็นลำดับเวลานาทีต่อนาทีการเผชิญหน้ากันตั้งแต่เช้าวันที่ 6 เมษายนจนถึงบ่าย
08:00 น. แกนนำเสื้อแดงขึ้นเวทีประกาศจัดทัพคนเสื้อแดงหลายหมื่นคนที่บริเวณแยกราชประสงค์ เตรียมเคลื่อนพลบุก 11 เส้นทางสายหลักของกรุงเทพฯ ในเวลา 11.00 น. และจะให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ปักหลักคุมที่มั่นอยู่ที่แยกราชประสงค์
08:10 น. ศอ.รส.เตรียมกำลังผสมตำรวจ-ทหารจำนวนประมาณ 203 กองร้อย เคลื่อนเข้าไปยังแยกเพลินจิต แยกราชดำริ แยกประตูน้ำ และแยกปทุมวัน โดยเฉพาะที่แยกราชดำริ และแยกปทุมวัน ใช้กำลังตำรวจปราบจลาจล และตำรวจ 191 ประมาณ 900 นาย ตั้งแถวแนวขวาง หวังสกัดมิให้ทัพเสื้อแดงเคลื่อนพลบุก 11 เส้นทางทั่วกรุงเทพฯ
09.10 น. ตำรวจ - ทหารเคลื่อนเข้าประจำ 4 แยกหลัก ส่วนที่สวนลุมพินี ตำรวจนำรถผู้ต้องขังมาจอดขวางเส้นทางแยกชิดลม และแยกสีลมไว้สกัดกั้นผู้ชุมนุม
09.15 น. เสื้อแดงระดมกำลังจากสะพานผ่านฟ้าฯ มาสมทบที่แยกราชประสงค์ ขณะที่บริเวณแยกสารสิน มีการประจัญหน้ากันระหว่างเจ้าหน้าที่และกลุ่มเสื้อแดง
09.45 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ผอ.ศอ.รส. ยืนยันว่าการส่งกำลังบล็อคเสื้อแดงเคลื่อนทัพ เป็นการปฏิบัติตามหลักสากล ย้ำว่าจะไม่ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และเตรียมออกหมายจับ 10 แกนนำเพิ่มเติมวันนี้
10.00 น. ผู้ดำเนินรายการบนเวทีที่สะพานผ่านฟ้าฯ ได้ประกาศแจ้งให้ผู้ชุมนุมที่เหลืออยู่ไม่กี่ร้อยคน ปักหลักชุมนุมอยู่ในที่ตั้ง ไม่ต้องเคลื่อนไปสมทบที่แยกราชประสงค์แล้ว ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการสลายการชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าฯ
10.30 น. นพ.เหวง โตจิราการ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นำเสื้อแดงไปประจัญหน้าตำรวจ-ทหาร ที่หน้าสถานีรถไฟฟ้าราชดำริ ตำรวจ-ทหารเริ่มถอยร่นเรื่อยๆ ขณะที่คนเสื้อแดงเริ่มผลักดันหนัก มีการตะโกนต่อว่าต่อขานเจ้าหน้าที่จนเกิดการกระทบกระทั่งเป็นระยะ หนักเข้าก็ขว้างปาขวดน้ำและสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บรุนแรง
10.35 น. กลุ่มเสื้อแดงประมาณ 1,000 คนพยายามผลักดันตำรวจชุดปราบจลาจล 2 กองร้อย พร้อมรถควบคุมผู้ต้องขัง 6 คัน ออกจากแยกชิดลมตัดถนนวิทยุ ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ชุมนุมจากแยกประตูน้ำเคลื่อนโอบล้อมกำลังตำรวจจนติดอยู่กลางวงล้อม และใช้ตีนตบและโห่ไล่ให้ออกไป ในที่สุด ตำรวจยอมถอนกำลังทั้งหมดออกไป
10.40 น. นายสุพร อัตถาวงษ์ ประกาศบนเวที ขอให้เสื้อแดงต่างจังหวัดเข้ายึด-เผาศาลากลางจังหวัด และที่ว่าการอำเภอ ถ้าหากมีการสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ โดยใช้ชื่อยุทธการว่า "ผึ้งแตกรัง"
11.00 น. ศอ.รส. แถลงไม่ปราบปราม หรือสลายการชุมนุม เพียงแต่เป็นการปฏิบัติหน้าที่กดดันผู้ชุมนุมเพื่อมิให้ออกจากแยกราชประสงค์ไปดาวกระจายที่อื่น
11.02 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประกาศยกเลิกเคลื่อนพล 11 จุด เพื่อรอดูท่าทีรัฐบาล และขอร้องมิให้รัฐบาลใช้ความรุนแรง
11.45 น. กลุ่มเสื้อแดงส่วนหนึ่งเข้าล้อมตำรวจเพื่อกดดันให้ถอนกำลังออกจากบริเวณชิดลม
12.00 น. มีเฮลิคอปเตอร์บินวนใกล้แยกราชประสงค์ เพื่อกดดันผู้ชุมนุม ทำให้บรรยากาศตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจชูตีนตบ และทั้งตะโกนทั้งโห่ไล่
12.20 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ขึ้นเวทีปราศรัยที่แยกราชประสงค์ ประกาศอีก 1 ชั่วโมง จะปรับยุทธวิธีต่อสู้อีกครั้ง
13.00 น. นพ.เหวง โตจิราการ นำขบวนเคลื่อนไปผลักดันกำลังตำรวจ-ทหารที่ตั้งจุดสกัดที่สวนลุมพินี ด้านถนนวิทยุ และให้อาสาสมัครจำนวนหนึ่งยึดรถฉีดน้ำของกองทัพบก 4 คัน รรถหุ้มเกราะอีก 1 คันไว้เพื่อป้องกันไม่ให้นำมาสลายการชุมนุม จากนั้นได้ปิดประตูสวนลุมพินีด้านถนนวิทยุ ไม่ให้ตำรวจ-ทหารออกมา
13.30 น. นายขวัญชัย ไพรพนา และนายสุพร อัตถาวงศ์ นำขบวนรถปิคอัพ รถมอเตอร์ไซด์ และรถแท๊กซี่ ประมาณ 1,000 คน เคลื่อนจากสะพานผ่านฟ้าฯ ไปยังสวนลุพินี ผ่านถนนสีลม ผ่านสำนักงานธนาคารกรุงเทพฯ และอาคารซีพี ก่อนจะวกกลับที่ตั้ง
14.20 น. กำลังตำรวจ-ทหารส่วนใหญ่ถอนตัวออกจากสวนลุมพินี เพื่อคลายแรงกดดันจากม็อบ
15.20 น. นพ.เหวง โตจิราการ ได้ทำหนังสือส่งมอบรถทหาร 4 คัน ผ่าน พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รักษาราชการผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปรากฏว่า รถบางคันถูกเจาะลมยางจนแบน
15.30 น. กลุ่มเสื้อแดงจำนวนหนึ่งดาวกระจายมาชุมนุมและจอดรถปราศรัยหน้าสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ขาเข้า ถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อทวงถามความเป็นกลางของการเสนอข่าว ทำให้การจราจรบริเวณดังกล่าวติดขัด