เซียนชี้ศก.ไทยบอบช้ำจากม็อบราชประสงค์
คมชัดลึก :นักวิเคราะห์ชี้ เศรษฐกิจไทยบอบช้ำจากการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ของคนเสื้อแดง นักวิเคราะห์การเมือง ต่างพากันให้ความเห็นว่า ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ถึงผลกระทบที่อาจเกิดจากการเคลื่อนไหวของคนเสื้อชมพูที่เพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่ ที่บางคนเป็นสมาชิกกลุ่มธุรกิจขณะที่อีกหลายคนก็เกี่ยวข้องกับคนเสื้อเหลืองที่เคยร่วมประท้วงใหญ่มาแล้ว เมื่อปี 2549 และนำไปสู่การก่อรัฐประหารโค่นอำนาจ พตท.ทักษิณ ในปีเดียวกัน แน่นอนว่า เศรษฐกิจได้รับผลกระทบหนักจากการประท้วงของคนเสื้อแดง และอาจทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ที่เคยผลักดันให้หุ้นไทยทะยานขึ้นไปถึง 9 เปอร์เซ็นต์ นับตั้งแต่เริ่มต้นปีนี้
สำนักข่าว AP รานยงานว่า
การชุมนุมของคนเสื้อแดง ที่ทำให้พื้นที่การจับจ่ายซื้อสินค้าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องปิดตัวลง ส่งผลให้ธุรกิจที่ขาดรายได้จากการจำหน่ายสินค้า ต้องเสียหายหลายล้านดอลล่าร์ สร้างความฝันหนีดีฝ่อให้นักท่องเที่ยว และสร้างแรงกดดันให้นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ถูกมองว่า ได้แรงสนับสนุนจากกองทัพเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งใหม่
กลุ่มคนเสื้อแดงที่มีประมาณ 5 หมื่นคน ได้ปิดทางสี่แยกที่ได้ชื่อว่าจุดที่คับคั่งที่สุด ทำให้ศูนย์การค้าราว 6 แห่ง ต้องปิดให้บริการ นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า ศูนย์กลางการจับจ่ายที่ย่านราชประสงค์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมระดับ 5 ดาว หลายแห่ง คือเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนและการเข้ายึดพื้นที่ของคนเสื้อแดงคนนี้ ทำให้ย้อนรำลึกไปถึงเมื่อครั้งที่คนเสื้อเหลือไปชุมนุมกันที่สนามบินสุวรรณภูมินานนับสัปดาห์ เมื่อปี 2551
นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
เขาจะไม่ใช้กำลังสลายผู้ชุมนุม ขณะที่แกนนำคนเสื้อแดงระบุว่า พวกเขาจะไม่ยอมเลิกการชุมนุม แต่จะย้ายไปยังสถานที่อื่น ขณะที่นักธุรกิจบางคนเริ่มจะหมดความอดทนต่อผู้ชุมนุม และเริ่มจะตอบโต้การก่อกวนของพวกเสื้อแดงบ้างแล้ว
ขณะที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า
นักธุรกิจแสดงความวิตกว่าหากมีการจัดเลือกตั้งใหม่อาจนำไปสู่ความวุ่นวายครั้งใหม่ โดยเฉพาะหากกลุ่มผู้สนับสนุน พตท.ทักษิณชนะการเลือกตั้งอย่างที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ เพราะอาจนำไปสู่การรัฐประหารครั้งใหม่ จะยิ่งทำลายความน่าเชื่อถือต่อเศรษฐกิจไทย ที่ได้ชื่อว่า ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่สองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายเอนก ศรีชีวะชาติ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย-ญี่ปุ่น แถลงเมื่อวันศุกร์ในระหว่างการชุมนุมต่อต้านการประท้วงของคนเสื้อแดงว่า การประท้วงที่ยืดเยื้อและการความคิดที่จะจัดจัดการเลือกตั้งใหม่ รังแต่จะยิ่งสร้างความเสียหายให้มากขึ้น อุตสาหกรรม
การท่องเที่ยวที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ กำลังประสบปัญหาแล้วในเวลานี้
นายอนันต์ นามไชยศรี ประธานห้างสรรพสินค้า เซน ในเซ็นทรัล เวิร์ลด์ ซึ่งบริหารด้านการตลาดด้วย ได้ประเมินว่า บริเวณพื้นที่ให้เช่าจะได้รับผลกระทบเป็นมูลค่าระหว่าง 100 - 150 ล้านบาทต่อวัน ส่วนพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย กล่าวว่า ความสูญเสียจากการชุมนุมของคนเสื้อแดง อาจสูงถึง 500 ล้านบาท ต่อวัน
นักท่องเที่ยวหลายคน ได้ถ่ายรูปคนเสื้อแดงที่ร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน ขณะที่นักธุรกิจยังคงหวาดระแวงว่าการชุมนุมของคนเหล่านี้ จะนำไปสู่ความรุนแรง
ประเทศไทยสามารถฟื้นตัวอย่างเข้มแข็งจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยและรัฐบาลได้คาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจว่า
จะเติบโต4.5 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ แต่ไทยต้องพึ่งพาการท่องเที่ยว ที่มีส่วนแบ่งถึง 7 เปอร์เซ็นต์ของ GDP และทำให้มีการจ้างงานมากกว่า 2 ล้านตำแหน่ง แต่การจลาจลซ้ำรอยเดือนเมษายน ปี 2552 และการยึดสนามบินปี 2551 อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัว และถ้าเกิดความรุนแรงขึ้น ก็อาจจะส่งผลกระทบไปถึงการลงทุนในเขตอุตสาหกรรมหนัก อีสเทิร์น ซีบอร์ดก็เป็นได้