หมายความว่า การตัดสินใจใดๆ ที่จะเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยนั้น จะมาจากการปรึกษาหารือร่วมกันของแกนนำหลายๆ คน ไม่ใช่เป็นเรื่องที่คนใดคนหนึ่ง จะมาตัดสินแทนมวลชนทั้งหมดได้
เป็นแนวทางที่น่าชื่นชม และสมควรจะได้รับการสนับสนุน เพราะไม่ว่าจำตัดสินใจทำอะไร แกนนำของ นปช. ก็จะได้สามารถตอบคำถาม และข้อสงสัยของประชาชนทั่วไป ทั้งที่ร่วมประท้วงและที่ไม่ร่วมประท้วงได้อย่างชัดเจนในทุกประเด็น
แต่คำว่า "ปิดเกม" นั้น มาจากคุณทักษิณ คนเดียว เพราะข่าวบอกว่าคุณทักษิณ ได้โทรศัพท์สายตรงถึงแกนนำของคนเสื้อแดงคนหนึ่ง ที่กำลังจะพาพลพรรคจากต่างจังหวัดกลับบ้าน โดยคุณทักษิณ รับปากว่า จะ "เร่งปิดเกมก่อนวันที่ 6 เมษายนนี้..."
ไม่ว่าคำว่า "ปิดเกม" จะมีความหมายในทางปฏิบัติว่าอย่างไร แต่เมื่ออ่านข่าวชิ้นนี้แล้ว ก็จะเข้าใจไปเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากว่าคุณทักษิณเป็นคนตัดสินใจ ว่า ขบวนการคนเสื้อแดงจะทำอะไร หรือไม่ทำอะไร และถ้าทำจะทำเมื่อไร และจะทำโดยใคร...และทำตามคำสั่งของใครด้วย
ซึ่งก็แปลว่าการ "ปิดเกม" ครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจของคุณทักษิณคนเดียว มิใช่มาจาก "การนำร่วม" ของผู้ที่เชิญชวนผู้คนมาร่วมการประท้วงครั้งนี้แต่ประการใด
ฟังดูแล้วจึงเห็นได้ว่า เป็นแนวโน้มที่ค่อนข้างอันตราย เพราะการประกาศ "ปิดเกม" นั้น ย่อมตีความได้ว่า คุณทักษิณต้องการให้คนเสื้อแดง ละทิ้งเส้นทางแห่งการหาทางออกอย่างสันติ ด้วยการเจรจาต่อรอง เพื่อให้บรรลุข้อตกลงร่วมที่ประชาชนคนไทยทั่วไป (ทั้งคนร่วมประท้วงและคนไม่เห็นด้วยกับการประท้วง) จะเห็นว่าเป็นทางออกที่สอดคล้องกับความเห็นของคนส่วนใหญ่ของประเทศ
การเจรจาสองรอบที่ผ่านมานั้น แม้จะยังหาข้อตกลงไม่ได้ แต่ก็ยังน่าชื่นชมกว่าการเผชิญหน้าหรือข่มขู่ซึ่งกันและกัน อีกทั้งฝ่ายรัฐบาลก็ประกาศว่าพร้อมที่จะเจรจารอบที่ 3 แม้ว่าจุดยืนของทั้งสองฝ่ายจะยังห่างกัน
ที่สำคัญ กว่าจุดยืนของรัฐบาล และ นปช. ก็คือ ความคิดเห็นของคนไทยส่วนอื่นๆ ในสังคม ซึ่งก็คือคนส่วนใหญ่ของชาติ ซึ่งทั้งสองฝ่ายที่กำลังเจรจากันอยู่ จะต้องรับฟังเพื่อนำไปพิจารณาปรับจุดยืนของตนเอง
แกนนำ นปช. ทั้งสามได้ริเริ่มการเจรจากับผู้นำรัฐบาลมาด้วยบรรยากาศแห่งการ "พูดจา" กันตามแนวทางที่สังคมต้องการเห็นแล้ว สมควรจะต้องเดินตามกระบวนการที่คนส่วนใหญ่ อยากจะเห็นเดินหน้าต่อไป
การประกาศ "ปิดเกม" หรือจะใช้มาตรการ "ดาวกระจาย" เพื่อป่วนเมืองอย่างต่อเนื่อง ก็เท่ากับกดดันประชาชนคนไทย ที่กำลังรู้สึกหนักหน่วงขึ้นทุกที ว่า พวกเขาถูกคู่กรณีทั้งสองฝ่าย "จับเป็นตัวประกัน"
คนไทยส่วนใหญ่ที่ต้องการกลับไปใช้ชีวิตปกติสุข ต้องการเห็นทั้งรัฐบาล และคนประท้วงหาทางออกให้บ้านเมืองอย่างสันติ มิใช่เล่นเกม มิใช่ข่มขู่ และมิใช่ "ปิดเกม"
เพราะคนไทยไม่ต้องการ "เล่นเกม" กับใคร ไม่ว่าฝ่ายไหนทั้งสิ้น