จตุพรประกาศเคลื่อนขบวนเสื้อแดงทั่วกรุงเทพฯอีกรอบวันที่ 27 มี.ค.นี้ ลั่นเป็นศึกใหญ่ ด้านทักษิณระบุชัดสัปดาห์นี้สำคัญให้คนเสื้อแดงเข้ามาชุมนุมมากๆ เผยรัฐเตรียมจับแกนนำใน2-3วัน
เมื่อเวลา 21.30 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวปราศรัยบนเวทีชุมนุมว่า ในวันเสาร์ที่ 27 มี.ค.นี้จะเคลื่อนพลรอบกรุงเทพฯอีกครั้ง เพราะฉะนั้นขอแรงคนเสื้อแดงในกทม.และต่างจังหวัดให้เข้ามาร่วมเคลื่อนขบวนใหญ่เพื่อขับไล่รัฐบาล
"เสาร์ที่ผ่านมาคนกทม.มาร่วมกันเยอะแยะ เพราะฉะนั้นเสาร์หน้าระดมอีกครั้งหนึ่งเคลื่อนพลทั้งกรุงเทพฯ แต่หากมาไม่ได้ให้ไปร่วมตัวกันที่ศาลากลาง เหมือนที่พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าให้ไปดูจอที่ศาลากลาง หากเกิดเหตุการณ์ที่กรุงเทพฯก็ให้ใช้ดุลยพินิจจัดการกันเอง และวันเสาร์ให้มาร่วมตัวที่กทม.ส่งเสียงดังให้ยุบสภาฯให้ดังทั้งแผ่นดิน หากนายอภิสิทธิ์ไม่ยอมยุบสภาฯก็จะอยู่กันไปอย่างนี้"นายจตุพรกล่าว
นายจตุพรกล่าวอีกว่า ได้ทราบว่าทหารเตรียมเคลื่อนกำลังแบบผิดสังเกตเพื่อสร้างความไหวหวั่นให้ประชาชน ดังนั้นขอให้กลุ่มคนเสื้อแดงใช้มาตรการต่อต้าน คือ ให้พ่อค้าแม่ค้าเลิกขายอาหารให้ทหาร และหากพบทหาร ให้เข้าไปต่อว่า หรือ แสดงความรังเกียจและไม่กลัว นอกจากนี้ยังทราบมาอีกว่า รัฐบาลได้เตรียมใช้งบองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แห่งละ 1 แสนบาทให้นำคนออกมาโดยอ้างว่ามาปกป้องสถาบันและต่อต้านคนเสื้อแดง
แม้วระบุเป็นสัปดาห์สำคัญให้แดงเข้ากรุง
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้วีดีโอลิงค์มาที่เวทีชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สำคัญอยากให้กลุ่มเสื้อแดงมาร่วมชุมนุมกันเยอะๆ ถ้ามาน้อยจะไม่มีทางได้ประชาธิปไตย
"อยากให้คนเสื้อแดงชวนเพื่อนฝูง ชวนญาติมากันเยอะๆ เพราะสัปดาห์หน้าเป็นสัปดาห์สำคัญ ถ้ามาน้อยจะไม่มีทางได้ประชาธิปไตย และหากแกนนำจะพาไปเยี่ยมตรงไหนก็ไปเยี่ยมได้เลย ส่วนกลุ่มเสื้อแดงในต่างจังหวัดให้ไปชุมนุมที่หน้าศาลากลางตั้งแต่คืนพรุ่งนี้เป็นต้นไป เพื่อช่วยคุ้มครองให้คนเสื้อแดงที่อยู่ราชดำเนิน"พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวอีกว่า ทราบมาว่าใน 2-3 วันนี้รัฐบาลมีแผนที่จะจับกุมแกนนำนปช. ดังนั้นขอให้คนเสื้อแดงช่วยปกป้องแกนนำด้วย และขอให้เสื้อแดงทั่วประเทศลุกขึ้นต่อต้านได้แล้ว เพราะคนมาชุมนุมมากขนาดนี้ยังจะมาจับประชาชนอีก
นอกจากนี้ให้ส.ส.พรรคเพื่อไทย นำหลักฐานการทุจริตของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคร่วมรัฐบาล มาเปิดเผยให้ประชาชนได้ทราบบนเวทีชุมนุม และให้ประชาชนร่วมกันโหวตว่าจะไว้วางใจรัฐบาลหรือไม่ โดยเฉพาะ เรื่องงบประมาณของทหาร และ ตีดเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์ 258 ล้านบาท
วีระเผยเตรียมจัดชุมนุมใหญ่อีกครั้ง
นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธาน นปช. กล่าวปราศรัยบนเวทีที่สะพานผ่านฟ้าว่า กลุ่มคนเสื้อแดงเตรียมจะนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งอย่างแน่นอน โดยขอให้กลุ่มเสื้อแดงในต่างจังหวัดทยอยกันเข้ามาร่วมชุมนุมในกทม.ให้มากขึ้น
เสื้อแดงยกระดับชุมนุมเข้มข้นลั่นครั้งนี้เป็นศึกใหญ่
ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้จะยกระดับการเคลื่อนไหวให้เข้มข้นมากขึ้น โดยจะระดมพลจากต่างจังหวัดเข้ามาร่วมกับคนเสื้อแดงในกทม. ซึ่งคนเสื้อแดงจะมีการออกมาเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลเป็นล้านคนและครั้งนี้จะเป็นศึกใหญ่
"หลายครั้งมีฝ่ายออกมาโจมตีว่าเราไม่สามารถระดมพลได้ แต่ให้ขอทุกฝ่ายรอดูมาตรการในการชุมนุมในสัปดาห์หน้าที่จะมีการแถลงพรุ่งนี้ จะมีความเข้มข้นจะเรียกคนให้ออกมาร่วมชุมนุมได้อย่างมหาศาล"นายณัฐวุฒิกล่าว
ประกาศยุทธศาสตร์ "ตาต่อตา เต๊นท์ต่อเต๊นท์"
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ยุทธศาสตร์การชุมนุมในวันที่ 22 มี.ค. จะมี 2 ยุทธศาสตร์คือ ตาต่อตา เต๊นท์ต่อเต็นท์ โดยให้ผู้ชุมนุมไปตั้งเต๊นท์ประกบกองกำลังทหารที่ประจำอยู่ใกล้กับบริเวณที่ชุมนุมทุกหน่วย เพราะที่ผ่านมาทางกองทัพอ้างว่า นำกำลังทหารมารักษาความปลอดภัยให้ผู้ชุมนุมโดยไม่พกพาอาวุธ แต่ปรากฏว่าคนเสื้อแดงจับนายทหารได้ทุกวันที่มีอาวุธสงครามพกติดตัวมาตลอด
ดังนั้นจะให้ผู้ชุมนุมเสื้อแดงค้นตัวนายทหารทุกคน ตั้งแต่เวลา 09.00 น. หากพบเอ็ม 16 จะแจ้งความทันที และผู้ชุมนุมจะตั้งเต็นท์กินอยู่หลับนอนบริเวณที่ทหารประจำการทุกสถานที่
ขณะที่ยุทธศาสตร์ที่ 2 คือจะจัดกำลังคนเสื้อแดงติดตามนายกฯไปทุกแห่งไม่ว่าจะไปที่ใด ทั้งทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา หรือสถานที่ที่ไปแสดงปาฐกถา โดยการตามไปดูไม่ได้เป็นการไปขัดขวางการทำงานแต่อย่างใด เพียงแต่จะตามไปดูเท่านั้น
"หากนายกฯใช้สถานการณ์นี้ขึ้นมาอ้างในการประกาศพรก.ฉุกเฉิน เพื่อสลายการชุมนุม นายกฯก็จะกลายเป็นฆาตรกรสั่งฆ่าประชาชนทันทีเพราะประชาชนไม่มีอาวุธ ไปด้วยมือเปล่า"นายณัฐวุฒิกล่าว
ทั้งนี้ขอให้นายกฯ ออกมาจากกรมทหารราบที่ 11 เพราะขณะนี้เป็นเวลา 11 วันแล้ว ที่นายกฯไม่ได้ทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนเลย ขอให้ออกมาอย่าปอดแหกเพราะกลุ่มเสื้อแดงไม่ขัดขวางการทำงานของนายกฯแน่นอนแต่จะตามไปดูเท่านั้น
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์