ชง3 ปัญหาเร่งแก้ไขด่วน

"ต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้น"


นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ (17 ต.ค.) ผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมนำโดยนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.อุตสาหกรรม นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ รมช.อุตสาหกรรมและผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานต่างๆ จะหารือร่วมกับสมาชิก ส.อ.ท. เพื่อกำหนดนโยบายดำเนินงานร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชน

ในการประชุมครั้งนี้ ส.อ.ท.จะนำเสนอแนวทางการดำเนินงานของ ส.อ.ท.ที่ในอนาคตจะต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาเพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้เกิดการปฏิบัติอย่างแท้จริง นอกจากนี้จะให้ สมาชิกกลุ่มอุตสาหกรรมหลักๆ อาทิ สิ่งทอ ยานยนต์ อาหาร รวมถึงส.อ.ท.จังหวัดมานำเสนอปัญหาเร่งด่วนเพื่อให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขด้วย รวมถึงทิศทางและนโยบายการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม

"ประเด็นต่างๆ"


สำหรับประเด็นต่างๆ ที่ภาคอุตสาหกรรมต้องการความช่วยเหลือโดยรวม ประกอบด้วย 1.การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษฉุกเฉินในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 2.การลดหย่อนเบี้ยประกันวินาศภัยในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งขณะนี้มีการปรับค่าเบี้ยประกันสูงขึ้นทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระต้นทุนการผลิตสินค้าที่สูงขึ้น 3.การแก้ไขปัญหาแรงงานที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สิ่งทอ ที่ขาดแคลนแรงงานจนมีการใช้แรงงานต่างด้าว ซึ่งจำเป็นต้องมีการจัดระบบก่อนที่จะรับเข้าทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงเสนอแผนพัฒนาโลจิสติกส์ของภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น

นายสันติ กล่าวว่า วันที่ 19 ต.ค. นายเกริกไกร จีระแพทย์ รมว.พาณิชย์ และคณะจะเดินทางมาประชุมที่ ส.อ.ท. เช่นกัน โดย ส.อ.ท. จะเร่งผลักดันให้มีการดำเนินการต่อเรื่องคณะทำงานระหว่างรัฐและเอกชน (PPP Dialogue) โดยเร็ว ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา ส.อ.ท. และกระทรวงพาณิชย์ ได้นำผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ไปศึกษาดูงานที่ประเทศฝรั่งเศสแล้ว 60 คน ซึ่งผู้ประกอบการได้รับความรู้และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์และนำมาพัฒนาธุรกิจของตนเองได้เป็นอย่างดี จึงต้องการให้รัฐบาลชุดปัจจุบันสานต่อโครงการนี้

"เร่งติดตามปัญหาเปิดเขตการค้าเสรี"


อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-ญี่ปุ่น และไทย-สหรัฐฯ ก็จะมีการติดตามเรื่องนี้โดยเร่งด่วนเช่นกัน รวมทั้งการทำงานประสานระหว่างทูตพาณิชย์ทั่วโลกและ ส.อ.ท. นอกจากนี้ ในวันที่ 16 ต.ค.จะหารือกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือไอซีที วันที่ 17 ต.ค.กับกระทรวงอุตสาหกรรม วันที่ 18 ต.ค.กับกระทรวงแรงงาน วันที่ 19 ต.ค. กับกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจะทำให้ภาคอุตสาหกรรมได้มีการกำหนดแผนงานให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลได้มากยิ่งขึ้น

นายสันติยังได้กล่าวถึงนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงว่า นับเป็นนโยบายที่ดีเนื่องจากเศรษฐกิจพอเพียงในความหมายของรัฐบาลคือการที่ภาคอุตสาหกรรมไม่ใช้จ่ายเกินตัว ทำในสิ่งที่ตนเองถนัด ไม่กู้เงินแล้วนำไปลงทุนผิดประเภท ซึ่งปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 ที่ผ่านมาถือเป็นบทเรียนว่าอุตสาหกรรมไม่เดินตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง โดยในส่วนของเอสเอ็มอี ยิ่งต้องระมัดระวังโดยจะต้องหาตลาดให้ได้ก่อนที่จะผลิตไม่เช่นนั้นธุรกิจก็จะไปไม่รอด.


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์