ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าเกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์มนต์ดำกันขรมไปทั่วเมือง กับการที่แกนนำเสื้อแดง ประกาศเจาะเลือดผู้ที่มาร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาล 3 ล้านซีซี. โดยเลือดสดๆ ล้านแรกจะนำไปราดรอบทำเนียบรัฐบาล ถ้ายังไม่ยุบสภา เลือดสีแดงฉานล้านที่ 2 จะไปราดที่หน้าพรรคประชาธิปัตย์ และเลือดล้านที่ 3 จะไปราดที่บ้านนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
และยิ่งมีน้ำหนักไปกันใหญ่ เมื่อเลือดล้านซีซีแรกถูกราดลงบนพื้นดิน เมื่อช่วงเย็นวันที่ 16 มี.ค. ตรงกับวันอังคารที่ 16 มี.ค. 53 ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ปีขาล (เป็น 1 ในนักษัตรที่ชอบดื่มเลือด) ซึ่งถือเป็นวันส่งท้ายปีฉลู และเริ่มเข้าสู่ “ปีขาล” เป็นวันขึ้นปีใหม่ หรือวัน “ตรุษไทย” เรื่องนี้
นายธนากร ตันอาวัชนการ ประธานชมรมฮวงจุ้ยกับชีวิต ฟันธงผ่าน ไทยรัฐออนไลน์ ว่า เป็นการทำไสยศาสตร์ของกลุ่มเสื้อแดง พิธีการสาดเลือดใส่สถานที่ที่เป็นยุทธศาสตร์ดังกล่าวนั้น มีลักษณะในการกระทำคล้ายการตั้งศาลของคนจีน หรือการตั้ง “ตี่จูเอี๊ย” โดยจะใช้เลือดมาทาทับเพื่อเป็นการจองทับที่ ซึ่งมีอาถรรพ์แรงๆ จึงจำเป็นจะต้องมีการสังเวยด้วยเลือดเกิดขึ้น เพื่อเป็นจับจองพื้นที่เป็นของตนเองให้อยู่เย็นเป็นสุข
“การใช้วิชานี้ หมายความว่า ต้องใช้เลือดทาตรงนี้ เพื่อบอกเจ้าที่เจ้าทางว่า นี่คือที่ของฉัน สมมติว่าเวลาเราไปตั้งศาลเจ้าที่ ที่นั่นอาจจะมีอาถรรพ์แรงมากๆ ซึ่งอยู่ไป คนในนั้นอาจจะมีปัญหามากๆ เช่น ทะเลาะกัน ดังนั้นเพื่อเป็นการล้างอาถรรพ์ เขาก็เลยต้องเชือดไก่ ละเลงเลือดลงไปที่พื้น แล้วจึงตั้งศาลเจ้าที่ทับ เพื่อเป็นการบอกกับเจ้าที่ ณ ตรงนี้ว่า เราจองที่ตรงนี้เป็นของเรา เป็นวิธีที่ไม่แตกต่างไปจากที่สำนักหมอผีโบราณ ใช้ปราบผีที่สิงอยู่ในต้นไม้ ซึ่งเขาจะใช้วิธีการฆ่าหมาดำ แล้วนำเอาเลือดมาสาด แล้วผีตนนั้นก็จะสงบไป”
สงครามไสยศาสตร์ เสื้อแดงสาดเลือดใส่ศัตรู ...!
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเรื่องฮวงจุ้ย ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า แม้จะเป็นวิธีไสยศาสตร์ แต่ที่กลุ่มเสื้อแดงนำมาปฏิบัตินั้น ไม่ถูกต้องตามหลักโหราศาสตร์จีน เพราะเลือดที่นำมาสาดจองที่ ควรจะเป็นเลือดสัตว์เดรัจฉานมากกว่า เพราะพิธีโบราณนี้ไม่เคยมีใครใช้เลือดคน
“วิธีนี้คล้ายๆ กับพิธีโบราณของสำนัก “เหมาซาน” ซึ่งเป็นวิชาการปราบผีแบบจีนวิชาหนึ่งเท่านั้น ตรงนี้ไม่เคยมีปรากฏว่า จะต้องใช้เลือดอะไรเยอะขนาดเท่าที่ผู้ชุมนุมทำ อีกทั้งเวลาเซ่นเจ้าที่ที่แรงๆ แบบนี้ เขาจะเชือดไก่แค่ตัวเดียวเท่านั้น ซึ่งส่วนมากจะเป็นเลือดของสัตว์เดรัจฉาน แต่การจะมาทำสิ่งแบบนี้กับสถานที่สำคัญ ถือว่าเป็นการไม่สมควร เพราะทำเนียบฯ เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ และมีความสำคัญมาช้านาน ผมว่าการทำแบบนี้จะเอามาเชิญเจ้าที่มันอันตรายครับ คือจริงๆ แล้ว ถ้าพิธีที่ถูกต้องจะต้องอัญเชิญเจ้าที่ 5 ทิศ แล้วก้มหยิบดินตรงกลางของทุกประตู ขอมาอุดประตูทั้งหมด ซึ่งจะส่งผลให้ประตูทำเนียบฯ นั้นหมดความเจริญ แต่เนื่องจากทางเข้าทำเนียบรัฐบาลมันมีประตูปืนตั้งอยู่ ซึ่งหากเขาจะใช้พิธีนี้จริงๆ เขาจะต้องเอาเลือดไปอุดรูปืนก่อนด้วยจึงจะสำเร็จ”
ประธานชมรมฮวงจุ้ยกับชีวิต ยังกล่าวถึงวิธีแก้การทำไสยศาสตร์การสาดเลือดด้วยว่า ให้ใช้บทสวด “มหากรุณาธารณีสูตร” ของเจ้าแม่กวนอิม และใช้ “ฮู้” จีน เขียนคำ “ฮ่อ” ไปติดไว้ที่หน้าประตูทำเนียบฯ
"ฮ่อนั้นแปลว่าดี เป็นสัญลักษณ์ของพ่อและแม่มาพบกัน ทำให้เกิดความสงบสุข ลูกหลานมีความสุข" อาจารย์ธนากรกล่าว
ด้าน นายอรรถวิโรจน์ ศรีตุลา นักโหราศาสตร์ชื่อดัง กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า เป็นวิชาไสยศาสตร์ที่เน้นการแก้เคล็ด ซึ่งอาจจะเป็นวิชาที่นำมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เพราะยังไม่เคยมีปรากฏว่าประเทศไทยเคยทำเรื่องแบบนี้
“นอกจากวิธีไสยศาสตร์มนต์ดำแล้ว ผมเห็นว่าเป็นจิตวิทยาในการชุมนุมเพื่อสร้างความฮึกเหิมกำลังใจให้กลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งถ้าจะเป็นเล่นกันด้วยเลือด ก็ต้องแก้ด้วยผีดูดเลือด อันนี้หมายถึงพวกปีศาจ เช่น การหารูปปั้นยักษ์ มาตั้งไว้ที่หน้าประตูเมือง แล้วก็นำสิ่งศักสิทธิ์ในระดับบ้านเมือง หรือเชิญรูปปั้นพระสยามเทวาธิราช มาเพื่อปัดรังควาน เพราะเลือดมันก็ถือว่าเป็นวิญญาณอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะช่วงนี้เหตุการณ์มันเกิดจากดาวอังคารมาใกล้โลกมาก อยู่ในวงจร แล้วดาวราหูก็มากระทบดวงเมือง แล้วดาวอาทิตย์ก็กำลังวินาศดวงเมือง วันที่ 14-15 มี.ค.นี้ ที่สำคัญเป็นวันอาทิตย์ดับแล้ว ขอให้ประชาชนทุกๆ คนระวังให้ดีๆ”
ทัศนะฟันธงของทั้ง 2 ผู้รู้ข้างต้น ไม่ต่างจาก นายพิศาล เตชะวิภาค หรือ "ต้อย เมืองนนท์" อุปนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย ซึ่งเขาเปรียบเทียบเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่าน่าจะคล้ายๆ การใช้ไสยศาสตร์ ด้วยการทุบรูปปั้นที่เขาพนมรุ้ง หรือทุบพระพรหมที่สี่แยกราชประสงค์
“เขาเรียกวิชาแบบนี้ว่าคุณไสยชั้นต่ำ เป็นมนต์ดำขั้นเดรัจฉานวิชาจาก 2 ประเทศคือ ลาว และเขมร โดยมนต์ดำพวกนี้ เขาจะเอาตัวเลือดมาเป็นตัวสื่อกับสิ่งเร้นลับ ไม่ว่าจะเป็นภูติ ผี ปีศาจ วิญญาณร้าย ซึ่งวิธีแก้ไสยศาสตร์นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างไรก็ดี แนะนำว่าให้ใช้พุทธคุณพระคุ้มครอง” ต้อย เมืองนนท์ กล่าว
ด้าน นายเก่งกาจ จงใจพระ กล่าวเสริมด้วยว่า ช่วงนี้เป็นช่วงดวงดาวมีการเปลี่ยนแปลง ดาวอังคารอยู่ในราศีกรกฎ ดาวเสาร์เดินถอยอยู่ในราศีกันย์ มันทำมุมชนกับดาวพฤหัส หมายถึงว่าดาวประจำประเทศไทย ดาวอาทิตย์มันย้ายตอนแรก มันอยู่ราศีกุมภ์ถูกเล็ง แต่ครั้งนี้ดวงประชาธิปไตยเคลื่อนมาอยู่ราศีธนูมันเล็ง เลยเล็งไปที่ราศีเมถุน
“หมายถึงว่าบ้านเมืองจะวุ่นวาย ดาวอังคารไม่มีฤทธิ์นี่ ดาวอังคารคือตัวอุบัติเหตุ เลือดตกยางออกมันยังอยู่ไกล ไม่มีแรงต้องรอให้มันลงที่ราศีกันย์ เมื่อนั้นมันจะแรง ตั้งแต่มิถุนายน ตอนนี้ต้องระวังเรื่องการระเบิด เพราะดาวอังคารหมายถึงว่า เครื่องแบบนอกราชการ หรือพวกที่ทำงานใต้ดิน มันยังซุ่มทำอะไรอยู่ เพราะมันทำมุมกับดาวมฤตยู จะเกิดอุบัติเหตุ มีการก่อวินาศกรรมภายในกลางตุลาคม และจะเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ วันนี้เป็นแค่การโหมโรง ที่สำคัญจะมีปฏิวัติปลายปีแน่นอน” โหรการเมืองชื่อดังกล่าว.