กก.สมานฉันท์แรงงานไทยเรียกร้องเสื้อแดงชุมนุมสันติ วอนรัฐใช้กฎหมายเท่าที่จำเป็น-ไม่ใช้อาวุธให้สื่อเป็นกลาง พร้อมต่อต้านทหารปฏิวัติ...
วันที่ 15 มี.ค. คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย นำโดย น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ออกแถลงการณ์เรียกร้องทุกฝ่ายยึดมั่นในสันติวิธีและร่วมกันฝ่าวิกฤติเพื่อให้สังคมไทยก้าวไปข้างหน้าได้ โดยระบุว่า ตามที่แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กำหนดจัดการชุมนุมใหญ่ในกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. แม้ผู้จัดการชุมนุมจะยืนยันว่าจะเป็นการชุมนุมอย่างสันติ แต่ไม่วายจะทำให้วิตกกังวลว่าอาจจะเกิดความรุนแรงขึ้นมาอีกครั้งนั้น จึงขอเรียกร้อง ดังนี้
1. ให้ทุกฝ่ายให้ความเคารพและยอมรับว่าสิทธิในการแสดงความเห็น การรวมตัวและการชุมนุมเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐาน แต่ทั้งนี้จะต้องเป็นไปโดยสงบ สันติและปราศจากอาวุธ
2. ขอให้ทุกฝ่ายต้องไม่ทำการใดๆ เพื่อเป็นการยั่วยุ ที่สำคัญต้องไม่ใช้ความรุนแรงอย่างเด็ดขาดและให้อดทนต่อการยั่วยุจากฝ่ายตรงข้ามซึ่งอาจทำให้เกิดความรุนแรง การควบคุมการชุมนุมของรัฐบาลนั้น ให้บังคับใช้กฎหมายเท่าที่จำเป็น และเหมาะสมในการดูแลความสงบเรียบร้อยของสังคม เจ้าหน้ารัฐที่ควบคุมการชุมนุม ต้องไม่มีพกอาวุธ โดยให้มีเฉพาะอุปกรณ์ป้องกันตัว และอุปกรณ์สำหรับควบคุมดูแลการชุมนุมเท่านั้น เช่นเดียวกันผู้ชุมนุมต้องไม่ใช้ความรุนแรง และไม่มีอาวุธ แกนนำการชุมชุมจะต้องควบคุมดูแลไม่ให้มีการพกพาอาวุธมาชุมนุม และผู้ชุมนุมต้องช่วยกันควบคุมดูแลซึ่งกันและกันไม่ให้มีใครใช้ความรุนแรง
3. สำหรับประชาชนกลุ่มต่างๆ ซึ่งอาจมีจุดยืนหรือความเห็นทางการเมืองแตกต่างกับผู้ชุมนุมแต่ก็ควรใช้ความอดทนอดกลั้น มีสติยับยั้งต้องไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา นอกจากนี้ประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นพลังเงียบต้องติดตามข่าวสารอย่างมีสติ อย่าได้เชื่อข่าวสารที่อาจนำสู่การใช้ความรุนแรงและประชาชนไม่ควรให้ความร่วมมือกับฝ่ายใดก็ตามที่ใช้ความรุนแรง
4. ขอเรียกร้องให้สื่อมวลชนทุกแขนงนำเสนอข่าวอย่างเที่ยงตรง รอบด้านและรับผิดชอบ ไม่ตกเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ตรวจสอบข้อมูลทุกครั้งก่อนนำเสนอเพื่อไม่ให้สื่อกลายเป็นเครื่องมือในการบิดเบือนข้อเท็จจริงและนำสู่ความเข้าใจผิดในสังคม เคร่งครัดในจริยธรรมและจิตวิญญาณของความเป็นสื่อมวลชนในสังคมประชาธิปไตย
5. ที่สำคัญต้องไม่ใช้การรัฐประหารเป็นทางออกของการแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศอีกต่อไป เพราะสังคมไทยได้รับบทเรียนจากความเสียหายของการคิดสั้นแก้ปัญหาด้วยการใช้กำลังทำการรัฐประหาร ซึ่งมีข้อสรุปชัดเจนเสมอมาว่าไม่อาจแก้ปัญหาได้จริง ตรงข้ามกลับทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไป
6. เพื่อการแก้ปัญหาระยะยาวของประเทศ เพื่อให้ประเทศหลุดพ้นจากสภาพวิกฤติอันเลวร้ายครั้งนี้ ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหาหนทางตั้งโต๊ะเจรจาเพื่อร่วมกันกำหนดกติกาและแนวทางการแก้ปัญหาและการพัฒนาประเทศทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่ทุกฝ่ายสามารถยอมรับและปฏิบัติร่วมกันได้ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเดินไปข้างหน้าได้เสียที